เอ็กโก กรุ๊ป เดินหน้าขยายการลงทุนด้านไฟฟ้าและพลังงานสะอาดในสหรัฐฯ

- Advertisment-

บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็กโก กรุ๊ป ผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนชั้นนำของไทย ได้ขยายการลงทุนเข้าไปในประเทศสหรัฐอเมริกาอย่างต่อเนื่องตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ระหว่างปี 2564-2566 โดยล่าสุดมีกำลังผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นรวมถึง 1,443 เมกะวัตต์

สหรัฐฯ เป็นตลาดพลังงานขนาดใหญ่ที่มีความต้องการไฟฟ้าสูง มีกำลังผลิตไฟฟ้าติดตั้งรวมถึงประมาณ 1,000 กิกะวัตต์ บวกกับสถานการณ์ปัจจุบันที่สหรัฐฯ ต้องการเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมไฟฟ้าและพลังงาน (Energy Transition) ไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำอย่างจริงจัง จึงขับเคลื่อนมาตรการต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมประเด็นดังกล่าวในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นการออกกฎหมายว่าด้วยการปรับลดอัตราเงินเฟ้อ (Inflation Reduction Act) เพื่อลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล การให้สิทธิประโยชน์สำหรับการลงทุนและการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนและเทคโนโลยีพลังงานสะอาด รวมถึงรัฐบาลสหรัฐฯ ได้ตั้งเป้าหมายให้มีการใช้พลังงานสะอาดผลิตไฟฟ้า 100% ภายในปี 2035

นอกจากการส่งเสริมระดับนโยบายแล้ว ตลาดสหรัฐฯ ยังมีความก้าวหน้าในการพัฒนาและต่อยอดนวัตกรรมพลังงานสะอาดในรูปแบบใหม่ เช่น การผลิตไฟฟ้าจากไฮโดรเจน และระบบกักเก็บพลังงานไฟฟ้า (Battery Energy Storage System) เป็นต้น ขณะเดียวกัน ก็ได้เปิดต้อนรับนักลงทุนต่างชาติ และมีโมเดลธุรกิจที่แตกต่างจากตลาดอื่น เช่น การลงทุนพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าเพื่อจำหน่าย หรือการให้บริการเสริมความมั่นคงของระบบไฟฟ้า

- Advertisment -

นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอ็กโก กรุ๊ป กล่าวว่า “จากศักยภาพและจุดเด่นเหล่านี้ เอ็กโก กรุ๊ป จึงเห็นโอกาสในการลงทุนโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติที่เป็นพลังงานสะอาด ควบคู่กับการลงทุนในพลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และระบบกักเก็บพลังงาน ในสหรัฐฯ”

“นอกจากนี้ ยังเป็นโอกาสในการร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อศึกษาและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมพลังงานทางเลือกใหม่ ๆ รวมทั้งใช้โมเดลการลงทุนในตลาดสหรัฐฯ ไปพัฒนาการลงทุนในตลาดและประเทศอื่น ๆ ต่อไป”

ปักธง 4 โครงการในสหรัฐฯ กำลังผลิตรวม 1,443 เมกะวัตต์

ปัจจุบันเอ็กโก กรุ๊ป มีการลงทุนในสหรัฐฯ ทั้งหมด 4 โครงการ รวมกำลังผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้น 1,443 เมกะวัตต์ หรือประมาณ 20% ของกำลังผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นทั้งหมด 7,067 เมกะวัตต์ โดยเริ่มต้นจากปี 2564  ได้ซื้อหุ้น 28% ในโรงไฟฟ้าโคเจนเนอเรชั่น “ลินเดน โคเจน” ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองลินเดน รัฐนิวเจอร์ซีย์ ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง กำลังผลิต 972 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นการไปปักธงลงทุนในสหรัฐฯ เป็นครั้งแรกของบริษัท

ต่อมาปลายปี 2564 เอ็กโก กรุ๊ป เดินหน้าลงทุนในสหรัฐฯ เป็นครั้งที่ 2 ด้วยการซื้อหุ้น 17.46% ใน “บริษัท เอเพ็กซ์ คลีน เอ็นเนอร์ยี โฮลดิ้ง” (เอเพ็กซ์) ผู้พัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียนขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ ที่มีโมเดลธุรกิจแบบไฮบริด คือ พัฒนาโครงการเพื่อเดินเครื่องเชิงพาณิชย์เองบางส่วน และจำหน่ายโครงการออกไปบางส่วน ทำให้แนวทางการดำเนินธุรกิจของเอ็กโก กรุ๊ป เปลี่ยนจาก “ผลิตไฟฟ้า ขายไฟฟ้า” เพียงอย่างเดียว เป็น “ผลิตโรงไฟฟ้า ขายโรงไฟฟ้า” ด้วย ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งในระยะยาว เนื่องจากการพัฒนาโครงการของเอเพ็กซ์สามารถทดแทนโครงการโรงไฟฟ้าที่กำลังจะทยอยหมดอายุสัญญาและสร้างการเติบโตใหม่ให้เอ็กโก กรุ๊ป ไปพร้อมกัน  

จากข้อมูลล่าสุด ณ เดือนกันยายน 2566 เอเพ็กซ์มีโครงการอยู่ใน Pipeline มากถึง 243 โครงการ กำลังผลิตรวม 58,900 เมกะวัตต์ ส่วนใหญ่เป็นพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ ร่วมกับระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ โดยเอเพ็กซ์ได้รับประโยชน์จากกฎหมาย Inflation Reduction Act ของสหรัฐฯ ที่ส่งเสริมการลงทุนพลังงานหมุนเวียนภายในประเทศ

ต่อมาปลายปี 2565 เอ็กโก กรุ๊ป ได้ซื้อหุ้น 49% ในโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม “ไรเซ็ก” ที่เมืองจอห์นสตัน รัฐโรดไอร์แลนด์ ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง กำลังผลิต 609 เมกะวัตต์ ซึ่งถือเป็นการต่อยอดธุรกิจของเอ็กโก กรุ๊ป ในตลาดไฟฟ้าของประเทศสหรัฐฯ เนื่องจากไรเซ็กใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงหลักที่มีความจำเป็นต่อการสร้างความมั่นคงของระบบไฟฟ้าในตลาดกลางซื้อขายไฟฟ้านิวอิงแลนด์ (ISO-NE) โดยเฉพาะด้านการสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาดในอนาคต

และล่าสุดปี 2566 เอ็กโก กรุ๊ป ได้ซื้อหุ้น 50% ใน “พอร์ตโฟลิโอโรงไฟฟ้าคัมแพซ” กำลังผลิตรวม 1,304 เมกะวัตต์ เป็นโครงการที่ 4 ซึ่งคาดว่าจะสามารถปิดดีลเสร็จสมบูรณ์ได้ภายในเดือนธันวาคม 2566 หรือไม่เกินต้นปี 2567 โดยการลงทุนในพอร์ตโฟลิโอโรงไฟฟ้าคัมแพซสอดคล้องกับกลยุทธ์ของบริษัท ที่มุ่งเน้นการเข้าซื้อหุ้นในโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติที่มีคุณภาพสูง ซึ่งสามารถสร้างผลตอบแทนและกำไรได้อย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งช่วยสนับสนุนเป้าหมายการเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมพลังงานไปสู่พลังงานสะอาดในอนาคต

มุ่งสู่เป้าหมายสังคมคาร์บอนต่ำ

การลงทุนในสหรัฐฯ ของเอ็กโก กรุ๊ป เป็นหนึ่งในกลยุทธ์เพื่อรับมือกับความท้าทายที่เกิดจากการเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมพลังงาน โดยขับเคลื่อนองค์กรภายใต้แนวคิดการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน “Cleaner, Smarter, and Stronger to Drive Sustainable Growth” ที่มีเป้าหมายมุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ แบ่งเป็น 3 ระยะ ได้แก่

เป้าหมายระยะสั้น คือ การเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเป็น 30% และลดการปล่อยปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่อหน่วยไฟฟ้าที่ผลิตได้ (Carbon Emissions Intensity) ลง 10% ภายในปี 2030

เป้าหมายระยะกลาง คือ การบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) ภายในปี 2040

เป้าหมายระยะยาว คือ การบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2050

รวมถึงช่วยสนับสนุนกลยุทธ์ระยะสั้น “4S” เพื่อสร้างรายได้อย่างรวดเร็ว และเสริมความแข็งแกร่งให้ธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางความท้าทายที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการเลือกลงทุนในโครงการที่มีประสิทธิภาพสูง (Select high quality project) ในรูปแบบ M&A ทั้งโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงหลัก (Conventional) และพลังงานหมุนเวียน (Renewable) เพื่อรับรู้รายได้ทันที

ความท้าทายและแนวโน้มการลงทุนในยุคเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน

อย่างไรก็ดี แม้สหรัฐฯ จะเป็นตลาดที่มีโอกาสสูง แต่ก็มีความท้าทายและการแข่งขันในระดับสูงเช่นกัน โดยเฉพาะผู้เล่นในระดับภูมิภาคและระดับโลก นอกจากนี้ ยังมีรูปแบบและโมเดลทางธุรกิจที่ซับซ้อนและแตกต่างออกไป รวมถึงการลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ ก็มีความซับซ้อนและมีความเสี่ยงสูง   

ดังนั้น เอ็กโก กรุ๊ป จึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เพื่อให้แน่ใจว่าการลงทุนแต่ละโครงการให้ผลตอบแทนที่ดีในการลงทุน สอดคล้องกับทิศทางอุตสาหกรรมพลังงาน ตอบโจทย์เป้าหมายการมุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ และสร้างมูลค่าเพิ่มให้ผู้มีส่วนได้เสียอย่างยั่งยืน

โดยได้ศึกษาและทำความเข้าใจการลงทุนแต่ละโครงการอย่างชัดเจน เพื่อเปลี่ยนความท้าทายให้เป็นโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ การสร้างเครือข่ายพันธมิตรที่เข้มแข็ง การติดตามสถานการณ์และความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด เพื่อบริหารทรัพย์สินที่มีอยู่เดิมอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงกระจายความเสี่ยงในการลงทุนอย่างเหมาะสม เพื่อให้พอร์ตโฟลิโอโรงไฟฟ้าในภาพรวมมีความสมดุลอยู่เสมอ  

สำหรับทิศทางในปี 2567 เอ็กโก กรุ๊ป ตั้งงบลงทุนจำนวน 30,000 ล้านบาท และมีเป้าหมายจะเพิ่มกำลังผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นอีก 1,000 เมกะวัตต์ โดยเฉพาะการลงทุนในโรงไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติและพลังงานหมุนเวียน ที่มีความต้องการเพิ่มขึ้นในยุคการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน รวมถึงเทคโนโลยีพลังงานสะอาดและพลังงานทางเลือกใหม่ เช่น ไฮโดรเจน ที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว   

โดยกลุ่มประเทศเป้าหมายการลงทุนนั้น นอกจากสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงและมีโอกาสการลงทุนในธุรกิจพลังงานหมุนเวียนและก๊าซธรรมชาติดังที่กล่าวไปแล้ว ยังมีประเทศที่เอ็กโก กรุ๊ป มีฐานการลงทุนอยู่แล้วอีก 6 ประเทศ ได้แก่ ประเทศในกลุ่มอาเซียน เช่น อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ สปป.ลาว รวมถึงเกาหลีใต้ ไต้หวัน และออสเตรเลีย อีกด้วย

Advertisment

- Advertisment -.