“ทวารัฐ”แนะรัฐปลด4พันธนาการเพื่อขับเคลื่อนSmart City สู่ภาคปฏิบัติ

- Advertisment-

“ทวารัฐ”แนะรัฐปลดพันธนาการ4ด้าน เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนนโยบายการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ(Smart City)ลงไปสู่ภาคปฏิบัติให้เป็นรูปธรรม

เมื่อวันที่ 12พ.ย.2562 กฟผ.จัดงาน EGAT Energy Forum 2019 Go-Live innovation ที่รร.เซนทาราแกรนด์ เซ็นทรัลพลาซ่า ลาดพร้าว โดยมีนายทวารัฐ สูตะบุตร ผู้ตรวจราชการกระทรวงพลังงาน มาบรรยายพิเศษเรื่องการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ(Smart City) ตามนโยบาย Energy for all

นายทวารัฐ กล่าวว่า เมืองอัจฉริยะ หรือ Smart City เป็นเรื่องที่ต้องบูรณาการนโยบายรัฐหลายๆกระทรวงเช่น กระทรวงพลังงาน กระทรวงคมนาคม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ให้เข้ากับเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อเป้าหมายให้ประชาชนได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ในด้านต่างๆ เช่น สุขภาพ การขนส่ง สิ่งแวดล้อม  ซึ่งประเด็นสำคัญที่ยังมีปัญหา ไม่ใช่เรื่องของการวางแผนหรือนโยบาย แต่เป็นเรื่องของการนำแผนลงไปสู่การปฏิบัติให้เป็นรูปธรรม  โดยในมุมมองของภาครัฐ ยังให้ความสำคัญกับเรื่องของการกระตุ้นให้เศรษฐกิจขยายตัว  เกิดการลงทุน เกิดธุรกิจใหม่ๆ และเกิดผู้ประกอบการที่เป็นstart up รายใหม่ บนแพลตฟอร์มของเมืองอัจฉริยะ นี้ด้วย

- Advertisment -

อย่างไรก็ตามมองว่า มีประเด็น4เรื่องสำคัญ ที่เหมือนเป็นพันธนาการที่ทำให้การขับเคลื่อนนโยบายSmart City ยังไม่ประสบผล ซึ่งเป็นเรื่องที่แต่ละหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องมาพูดคุยหารือกันให้เกิดความชัดเจน
ประกอบด้วย

พันธนาการภาครัฐในการขับเคลื่อนนโยบายSmart City ลงสู่ภาคปฏิบัติ

1. บทบาทขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่เป็นเจ้าของพื้นที่ ( Role of Local Government ) ที่จะต้องหารือกับหน่วยงานการไฟฟ้าให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพราะผู้ที่น่าจะเป็นเจ้าของแพลตฟอร์มที่ให้บริการสิ่งอำนวยความสะดวกด้านต่างๆภายใต้ Smart City ควรจะเป็นหน่วยงานการไฟฟ้า

2.Sandbox Area ซึ่งจะเป็นพื้นที่นำร่อง หรือพื้นที่ทดลองระบบ ที่ได้รับการยกเว้นกฏระเบียบต่างๆ  เพื่อจะได้ทราบถึงปัญหาอุปสรรค ที่จะต้องมีการแก้ไขปรับปรุงก่อนที่จะขยายไปดำเนินการในพื้นที่อื่นๆต่อไป

3.ความพร้อมด้านดิจิทัล ( Digital Readiness) ทั้งเรื่องของฮาร์ดแวร์ ซอฟท์แวร์ และความพร้อมของบุคลากรที่จะต้องมีความรู้ความเข้าใจด้านไอที เป็นอย่างดี

4.เรื่องของการลงทุนและความร่วมมือกับต่างประเทศ( Funding and Partnership ) โดยSmart City จะต้องเป็นเวทีที่เปิดให้มีการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ   มีเวทีการบ่มเพาะนักธุรกิจที่เป็น Start Up มีการให้สิทธิประโยชน์ด้านภาษี  โดยสิงคโปร์ถือเป็นประเทศที่มีความโดดเด่นในเรื่องนี้

Advertisment

- Advertisment -.