เขียนเล่าข่าว​ EP​. 30​ ​ชี้โพรง ! พรรคไหนจะชิงหาเสียง​ เจาะกลุ่มผู้ใช้มอเตอร์ไซค์​ 22​ ล้านคัน

181
N4027
- Advertisment-

เห็นพรรคการเมืองหลายพรรค​ ชูนโยบายแบบรวมๆเรื่องว่าจะลดราคาน้ำมัน​ แต่ยังไม่มีพรรคการเมืองไหน​ ที่เลือกเจาะกลุ่ม​ มีนโยบายหาเสียงให้โดนใจกลุ่มผู้ใช้รถมอเตอร์ไซค์​โดยเฉพาะ​ ทั้งๆที่ประชากรกลุ่มนี้มีสัดส่วนมากที่สุด​ในจำนวนผู้ใช้น้ำมันทั้งหมด ถึง​ 22​ ล้านคัน​ ถ้าเทียบ​ 1​ คันต่อ​ 1​ คน​คนละ​ 1​ คะแนนเสียง​ กลุ่มนี้​ คือ​ กลุ่มที่มีคะแนน​ 22​ ล้านคะแนน​

ข้อมูลที่น่าสนใจเพื่อนำไปสร้างนโยบายหาเสียง​ คือ​ กลุ่มผู้ใช้รถ​มอเตอร์​ไซค์​ ที่มีจำนวนประชากรมาก​ 22​ ล้านคันก็จริง​ แต่ปริมาณการใช้น้ำมันรวมกันยังน้อยกว่า​ กลุ่มรถบรรทุกที่มีจำนวน​ 7​ ล้านคันค่อนข้างมาก​ ​จึงไม่เป็นภาระต่อกองทุนน้ำมัน​ หรือภาระต่อภาษีสรรพสามิต​ มากเหมือนการตรึงราคาดีเซล​เพื่อช่วยกลุ่มรถบรรทุกขนส่ง​ ในช่วงที่ผ่านมา​ ที่ทำให้กองทุนน้ำมันติดลบสูงสุดเป็นประวัติการณ์​ ถึง​ 1.3​ แสนล้านบาท​เมื่อเดือน​ พ.ย.​2565​ ที่ผ่านมา​ ก่อนที่ตัวเลขติดลบจะลดลงเหลือ​ ประมาณ​ 9.7 หมื่นล้านบาท​ ณ​ วันที่​ 19​ มี.ค.2566​ ตามแนวโน้มราคาน้ำมันโลกที่ปรับลดลง

ที่ผ่านมากระทรวงพลังงาน​ เคยดำเนินโครงการบรรเทาผลกระทบราคาน้ำมันกลุ่มเบนซิน​ สำหรับผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์สาธารณะ​” หรือเรียกสั้นๆว่า​ โครงการ​วินเซฟ​ มาแล้วโดยให้กรมธุรกิจพลังงานรับผิดชอบดำเนินการ​ มีระยะเวลา​ 3​ เดือน​นับตั้งแต่เดือน พ.ค.-ก.ค.2565​ โดยให้ส่วนลดราคาน้ำมัน​ ไม่เกิน​ 250​ บาทต่อคนต่อเดือนกับรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่จดทะเบียนรับจ้างกับกรมการขนส่งทางบก​ จำนวน​106,655 ราย​ แต่เมื่อทำจบแล้วก็จบเลย

- Advertisment -

ซึ่งถ้ามีพรรคการเมืองไหน​ ชิงหยิบโครงการนี้มาปัดฝุ่น​ หรือชูนโยบายใหม่ที่ดีกว่า ขยายให้ครอบคลุมผู้ใช้รถมอเตอร์ไซค์​ทั่วไป​ ทั้ง 22​ ล้านคัน​ ก็เชื่อว่าในทางการเมือง​ จะได้รับคะแนนนิยมเพิ่มขึ้น​แน่ เพียงแต่ว่า​อาจจะต้อง​ ปรับเปลี่ยนรูปแบบ​วิธีการดำเนินการ​ โดยนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาช่วย​ในการลงทะเบียนรับสิทธิ์​ ให้สะดวก​ รวดเร็ว​ โปร่งใส​ ตรวจสอบได้​

ถามว่าทำไม​ กลุ่มผู้ใช้รถมอเตอร์ไซค์​จึงควรได้รับการช่วยเหลือ​ ก็ต้องตอบว่า เพราะที่ผ่านมา​ กลุ่มผู้ใช้รถมอเตอร์ไซค์​ ค่อนข้างเสียเปรียบกลุ่มผู้ใช้น้ำมันดีเซล​ เพราะต้​องจ่ายภาษีสรรพสามิต​ และถูกบวกค่าการตลาด มากกว่าผู้ใช้​รถบรรทุก​ส่วนบุคคล​ ที่รัฐมีนโยบายอุดหนุน​ โดยการใช้ทั้งเงินกองทุนน้ำมันและภาษีสรรพสามิต​ หรือการให้บวกค่าการตลาดที่ต่ำกว่า เพื่อให้ราคาขายปลีกต่ำกว่าต้นทุนจริงที่ควรจะเป็น​

ดู ราคาขายปลีก​ ณ​ วันที่​ ​​23​ มี.ค.2566​ แก๊สโซฮอล์​91​ ที่รถมอเตอร์ไซค์ชอบเติม​กัน ราคา​ 34.58 บาทต่อลิตร​ ในขณะที่ดีเซล​ อยู่ที่​ 33.94​ บาท​ต่อลิตร​ หรือแพงกว่า​ 64​ สตางค์ต่อลิตร​ ทั้งที่ราคาหน้าโรงกลั่น​ แก๊สโซฮอล์91​ อยู่ที่ลิตรละ​ 20.98 บาท​ และ​ดีเซลอยู่ที่​ลิตรละ 22.50 บา​ท​ หรือถูกกว่าลิตรละ​ 1.52 บาท

ในส่วนภาษีสรรพสามิต​ แก๊สโซฮอล์​91​ ถูกเก็บภาษี​ลิตรละ​ 5.85 บาท​ แต่​ ดีเซล​ เก็บอยู่ลิตรละ​ 1.34 บาทต่อลิตร​

แม้ว่าการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน​ แก๊สโซฮอล์​ 91​ จะถูกเก็บน้อยกว่า​คือ​ ลิตรละ​ 2​ บาท​ และดีเซล​ถูกเก็บ​ 6.35 บาทต่อลิตร​ แต่อย่าลืมว่าก่อนหน้านี้​ ที่ราคาน้ำมันเป็นขาขึ้น​ การจัดเก็บติดลบมาโดยตลอด​ ดังนั้น​ เมื่อราคาน้ำมันเป็นช่วงผันผวนขาลง​ จึงต้องเก็บเงินเพื่อชำระคืนหนี้​ที่กองทุนน้ำมันได้เข้าไปช่วยชดเชย​ และเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้กองทุนน้ำมันมีฐานะที่ติดลบเกินแสนล้าน

​ ที่ต้องชี้โพรงให้พรรคการเมืองเห็น​ เพราะผู้ใช้รถมอเตอร์ไซค์​ ที่เติมแก๊สโซฮอล์​ ยังไม่รู้ว่าตัวเองถูกเอาเปรียบในโครงสร้างราคา​ ทั้งช่วงที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน

​ ดูตัวเลขการจดทะเบียนของกรมการขนส่งทางบก​ จะเห็นว่า รถที่ใช้ดีเซลเพิ่มขึ้น​ 2.85 % มากกว่ารถใช้เบนซิน​ที่เพิ่มขึ้น​ 1.85 %

ส่วนปริมาณการใช้น้ำมัน​ ข้อมูลของกรมธุรกิจพลังงาน​ แสดงให้เห็นว่า​ ดีเซล​ เฉลี่ยทั้งปี​ 2565​ อยู่ที่​ 73.05 ล้านลิตรต่อวัน​ หรือเพิ่มขึ้น​ 15.7​ % ส่วนกลุ่มเบนซิน​ เฉลี่ยอยู่ที่​ 30.16 ล้านลิตรต่อวัน​ หรือเพิ่มขึ้น​ 3.9 % สะท้อนถึงโครงสร้างการใช้น้ำมันที่ถูกบิดเบือน

ข้อมู​จาก​กรม​ธุรกิจ​พลังงาน​
​ข้อมูล​จากกรมการขนส่งทางบก​
​ข้อมูล​จากกรมการขนส่งทางบก
Advertisment