OR ทุ่ม 2.3 หมื่นล้านปี 2567 ลุยขยายธุรกิจต่อเนื่อง จ่อปิดดีลธุรกิจอาหารเร็วๆ นี้

- Advertisment-

บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ทุ่มงบลงทุน 23,000 ล้านบาท ปี 2567  ลุยขยายธุรกิจ เผยจ่อปิดดีลธุรกิจอาหารในเร็วๆนี้  พร้อมตั้งเป้ายอดขายปี 2567 โต 3-4% จากปี 2566 รับเศรษฐกิจฟื้น นักท่องเที่ยวเพิ่มหนุนปริมาณขายน้ำมันเครื่องบิน  ระบุแผนจะขยายสถานีชาร์จรถ EV เพิ่ม 550 แห่ง เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายติดตั้งหัวชาร์จ DC ให้ได้ 7,000 หัวในปี 2573

นางสาววิไลวรรณ กาญจนกันติ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านบริหารการเงิน บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) OR เปิดเผยในงาน Oppday Year End 2023 OR วันที่ 23 ก.พ. 2567 ว่า ในปี 2567 บริษัทฯ ตั้งงบลงทุนอยู่ที่ประมาณ 23,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนในธุรกิจ Mobility อยู่ที่ 8,800 ล้านบาท ธุรกิจ Lifestyle อยู่ที่ 10,100 ล้านบาท ธุรกิจ Global อยู่ที่ 2,000 ล้านบาท และธุรกิจ Innovation & Business อีก 2,100 ล้านบาท

“ขณะนี้ OR มีดีลธุรกิจใหม่ที่อยู่ระหว่างการเจรจาหลายดีล แต่มีอยู่ 1 ธุรกิจคาดว่าจะสามารถปิดดีลได้ในเร็วๆนี้ คือ ธุรกิจอาหาร”

- Advertisment -

สำหรับแนวโน้มผลประกอบการในปี 2567 คาดว่า จะเติบโตขึ้นจากปี 2566 ที่มีรายได้อยู่ที่ 769,224 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นการเติบโตขึ้นตามยอดขายน้ำมันที่คาดว่าจะเติบโตตามทิศทางอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจในประเทศ (GDP) ในปี 2567 ที่ประมาณการอยู่ที่ 2.2-3.2% และจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น โดยปี 2567 นี้คาดว่า จะอยู่ที่ 35 ล้านคน ซึ่งจะหนุนยอดขายในส่วนของน้ำมันเครื่องบิน (Jet) ให้กลับมาอยู่ในระดับเท่ากับก่อนเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยในส่วนยอดขายน้ำมันของ OR ปกติแล้วจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ 3-4%

ทั้งนี้ การเติบโตของธุรกิจในปี 2567 จะมาจากการขยายตัวของยอดขายในธุรกิจเดิม ในส่วนของธุรกิจใหม่ก็จะเติบโตตามการขยายสาขาเพิ่มขึ้น ทั้งธุรกิจ Mobility  และ ธุรกิจ Lifestyle จึงถือว่าเป็นปีที่มีผลการดำเนินงานในทิศทางเป็นบวกสำหรับOR

นางสาวปิติรัตน์ รัตนโชติ ผู้จัดการฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) OR กล่าวว่า ในปี 2567 บริษัท มีแผนจะขยายสถานีชาร์จ EV Station PluZ ที่มุ่งเน้นในสถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น เพิ่มขึ้นประมาณ 550 แห่ง เพื่อก้าวไปสู่เป้าหมายติดตั้ง หัวชาร์จ DC ให้ได้ 7,000 หัวในปี 2573 แต่หากในอนาคตจำนวนยานยนต์ไฟฟ้า (EV) เพิ่มขึ้น OR ก็พร้อมปรับเป้าหมายการลงทุนให้เพิ่มขึ้นตามไปด้วย

ส่วนแผนขยายสาขาร้านสะดวกซัก Otteri Wash & Dry ซึ่งในปี 2566 มีอยู่ 1,004 สาขานั้น ทางพันธมิตรมีแผนจะขยายการลงทุนในปี 2567 นี้ราว 340 สาขา จะเป็นการขยายในเครือข่ายของ OR ประมาณ 40 สาขา และพื้นที่นอกเครือข่ายของ OR อีก 300 สาขา

“ส่วนแนวโน้มค่าการตลาดในไตรมาส 1 ปีนี้ ยังถือว่าเร็วเกินไปที่จะประเมิน แต่หากพูดถึงในส่วนของกำไรขั้นต้นต่อลิตร เดิมจะอยู่ในกรอบ 70 สตางค์ ถึง 1.20 บาทต่อลิตร ซึ่งในปีที่ผ่านมาอยู่ที่ประมาณ 99 สตางค์ ฉะนั้นก็คาดว่า ในไตรมาส 1 ก็คงจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกัน โดยปีนี้ OR คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบดูไบ อยู่ในกรอบ 78-81 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ขณะที่อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาท คาดว่า จะอยู่ในกรอบ 34.3-35.3 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ”

สำหรับสิ้นปี 2566 OR มีส่วนแบ่งการตลาดน้ำมัน (มาร์เก็ตแชร์) เป็นเบอร์ 1 ของประเทศ อยู่ที่ระดับ 42.2% มีสถานีบริการ PTT Station ทั้งสิ้น 2,652 แห่ง แบ่งเป็นในประเทศ 2,253 แห่ง ในต่างประเทศ 399 แห่ง มีร้านคาเฟ่ อเมซอน อยู่ที่ 4,552 แห่ง แบ่งเป็นในประเทศ 4,159 แห่ง ในต่างประเทศ 393 แห่ง มีสถานีชาร์จ EV Station PluZ จำนวน 859 แห่ง หรือ ติดตั้ง 1,618 หัวชาร์จ ครอบคลุม 77 จังหวัด และมีร้าน Convenience Store จำนวน 2,317 สาขา

Advertisment

- Advertisment -.