“ผอ.กองทุนน้ำมันฯ” จ่อหมดวาระ ส.ค. 2567 สกนช. เตรียมกระบวนการสรรหาคนใหม่ ในขณะที่มีหนี้ 7.5 หมื่นล้าน และเงินบัญชีติดลบเกือบ 9 หมื่นล้านบาท

- Advertisment-

ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง จ่อหมดวาระงาน 4 ปี ในวันที่ 16 ส.ค. 2567 ด้านสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เตรียมเสนอรายชื่อตั้งคณะกรรมการสรรหาฯ ต่อคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) คาดภายใน มี.ค. 2567 จะแต่งตั้งอนุกรรมการสรรหาฯ เสร็จ พร้อมเริ่มกระบวนการคัดสรรผู้อำนวยการ สกนช.ต่อไป ชี้ ผอ.สกนช.คนใหม่ ต้องเข้าแก้ปัญหาหนี้กองทุนน้ำมันฯ กว่า 75,000 ล้านบาท และสภาพกองทุนฯ ติดลบเกือบ 9 หมื่นล้านบาท

ผู้สื่อข่าวศูนย์ข่าวพลังงาน (Energy News Center – ENC) รายงานว่า สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เตรียมความพร้อมล่วงหน้าในกระบวนการคัดเลือกตำแหน่ง “ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง” คนใหม่ ที่จะมาปฏิบัติหน้าที่แทน นายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เนื่องจากนายวิศักดิ์ จะครบวาระงาน 4 ปี ในวันที่ 16 ส.ค. 2567

โดยเบื้องต้น สกนช. จะต้องพิจารณาเสนอรายชื่อ “อนุกรรมการพิจารณาตำแหน่งผู้อำนวยการ สกนช.” เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเป็นประธาน เพื่อพิจารณาตำแหน่งประธาน-รองประธาน และกรรมการอนุกรรมการฯ ดังกล่าว คาดว่าประมาณปลายเดือน ก.พ.-มี.ค. 2567 นี้ จะสามารถแต่งตั้งอนุกรรมการฯ แล้วเสร็จ

- Advertisment -

ทั้งนี้ภายหลังการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการฯ แล้ว จะเริ่มเข้าสู่กระบวนการพิจารณารายชื่อผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ สกนช. คนใหม่ เบื้องต้นต้องอายุไม่เกิน 65 ปี โดยมีวาระงาน 4 ปี และสามารถต่ออายุวาระงานได้ไม่เกิน 2 ครั้ง หรือเท่ากับสามารถดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ สกนช. ได้นานที่สุด 8 ปี อย่างไรก็ตามอาจจะมีการพิจารณาผู้ที่มีอายุไม่เกิน 61 ปีก่อน เพื่อให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ครบวาระ 4 ปี เป็นอย่างน้อย

สำหรับ นายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ เข้าดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) มาตั้งแต่ 17 ส.ค. 2563 ซึ่งจะครบวาระงานในวันที่ 16 ส.ค. 2564 โดยนายวิศักดิ์ เกิดเมื่อ 17 พ.ย. 2502 ปัจจุบันอายุ 64 ปี ซึ่งนายวิศักดิ์ เข้ามาบริหารงานในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เมื่อปี 2563 และต่อด้วยสถานการณ์วิกฤติราคาพลังงานโลก ส่งผลให้เงินกองทุนน้ำมันติดลบสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 1.3 แสนล้านบาทในปี 2565

ปัจจุบันสถานะเงินกองทุนน้ำมันฯ ล่าสุดที่รายงานโดย สกนช. เมื่อวันที่ 18 ก.พ. 2567 เงินกองทุนฯ ติดลบรวม -89,882 ล้านบาท โดยมาจากการอุดหนุนราคาดีเซลทำให้บัญชีน้ำมันติดลบรวม -43,275 ล้านบาท และการอุดหนุนราคาก๊าซหุงต้ม (LPG) ทำให้บัญชี LPG ติดลบรวม -46,607 ล้านบาท และที่ผ่านมากองทุนฯ ได้กู้เงินจากสถาบันการเงินรวม 75,000 ล้านบาท ซึ่งจะต้องเริ่มชำระหนี้เงินต้นคืนในเดือน พ.ย. 2567 นี้   

Advertisment

- Advertisment -.