กระทรวงพลังงานเดินหน้าโครงการ “โซลาร์ฟาร์มชุมชน” กำลังผลิต 1,500 เมกะวัตต์

469
- Advertisment-

กระทรวงพลังงานเดินหน้าโครงการ “โซลาร์ฟาร์มชุมชน” กำลังผลิต 1,500 เมกะวัตต์ พร้อมเร่ง Direct PPA 2,000 MW และแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ หรือแผนพีดีพี ฉบับใหม่ให้เสร็จภายใน 4 เดือน

ในการแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2568 นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้อภิปรายต่อที่ประชุมถึงรายละเอียดของนโยบายการสร้างรายได้ ลดรายจ่ายด้านพลังงาน  โดยสรุปสาระสำคัญถึงแนวทางที่รัฐบาลจะเร่งดำเนินการให้สำเร็จภายในระยะเวลา 4 เดือน ซึ่งมีโครงการที่สำคัญประกอบด้วยโครงการโซลาร์ฟาร์มชุมชน 1,500 เมกะวัตต์  ชุมชนละ 5 เมกะวัตต์ ซึ่งจะครอบคลุมพื้นที่เป้าหมายกว่า 300 ชุมชน (15,000 ครัวเรือน) ทั่วประเทศ โดยจะใช้โควต้าที่เหลือจากโซลาร์ฟาร์มที่เปิดให้เอกชนดำเนินการแต่ยังไม่ได้มีการลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า หรือ โครงการ Big lot 8,600 เมกะวัตต์ ส่วนที่ยังเหลืออยู่มาดำเนินการ

นอกจากนี้จะเร่งดำเนินโครงการ โซลาร์สูบน้ำเพื่อการเกษตร 1,200 ระบบ: มีเป้าหมายครอบคลุมพื้นที่กว่า 700,000 ไร่ ทั่วประเทศ

- Advertisment -

การเร่งรัดมาตรการลดหย่อนภาษีโซลาร์เซลล์ โดยลดหย่อนภาษีได้ 200,000 บาท ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 90,000 ราย

การเร่งอนุมัติการผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์ลอยน้ำใน 3 เขื่อนหลักของ กฟผ. (เขื่อนภูมิพล, เขื่อนวชิราลงกรณ์, เขื่อนศรีนครินทร์) กำลังการผลิตรวมกว่า 1,638 MW

ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับนโยบายการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบพลังงาน รองรับอุตสาหกรรมแห่งอนาคต จะเร่งทำสัญญาซื้อขายพลังงานไฟฟ้าได้โดยตรง (Direct Power Purchase Agreement: Direct PPA ) 2,000 เมกะวัตต์ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ   การพัฒนาทั้งระบบผลิตและระบบส่งไฟฟ้าในพื้นที่ EEC ภายใต้กรอบงบประมาณเดิม การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในภาคอุตสาหกรรมผ่านกลไก”กองทุนเพื่อการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน” ​

สำหรับนโยบายเพื่อสร้างความยั่งยืนระยะยาวรองรับ NET ZERO 2050 ​(เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050 ) ในส่วนของ​โครงการโซลาร์ภาคประชาชนคาดว่าจะสามารถลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 3.6 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์/ปี ​

การจัดทำแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า หรือแผนพีดีพีฉบับใหม่ โดยจะทบทวนรายละเอียดแผนเดิมให้ตอบโจทย์เป้าหมาย Net Zero 2050 ด้วยการเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนและพลังงานสะอาดในระบบผลิตไฟฟ้า ​ซึ่งได้มีการทาบทามบุคคลที่จะมาเป็นประธานการจัดทำแผนพีดีพีคนใหม่ แทนคนเก่าที่ยื่นหนังสือลาออกเอาไว้แล้ว และมั่นใจว่าจะสามารถจัดทำแผนพีดีพีฉบับใหม่ให้เสร็จได้ภายใน 4 เดือน 

รวมทั้งการพัฒนาเทคโนโลยีดักจับและกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ (CCS)ในอ่าวไทยที่มีศักยภาพกักเก็บรวม 7,000 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์  โดยถือเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่ใช้เงินลงทุนสูง ก็จะผลักดันให้เริ่มต้นนับหนึ่งโครงการได้ในรัฐบาลชุดนี้ 

Advertisment