ราคาน้ำมันดิบโลกปรับขึ้นหลังสงครามในยุโรปและตะวันออกกลางแผ่ขยายและทวีความรุนแรง

- Advertisment-

หน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) รายงานว่าสถานการณ์ตลาดน้ำมันประจำสัปดาห์วันที่ 22 – 26 ม.ค. 67 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสาเหตุสงครามในยุโรปและตะวันออกกลางแผ่ขยายและทวีความรุนแรงขึ้น

  • ยูเครนใช้โดรนโจมตีโรงกลั่นน้ำมัน Tuapse (240,000 บาร์เรลต่อวัน) ในรัสเซีย ทำให้โรงกลั่นของบริษัท Rosneft ที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศ ต้องหยุดดำเนินการเมื่อ 25 ม.ค. 67 โดยยังไม่สามารถระบุวันกลับมาดำเนินการได้
  • 26 ม.ค. 67 กองกำลัง Houthi ในเยเมนใช้จรวดโจมตีเรือ Marlin Luanda (800,000 บาร์เรล) ซึ่งบริษัท Trafigura ของอังกฤษจ้างขนส่งน้ำมันสำเร็จรูป (Naphtha) จากรัสเซีย ขณะแล่นอยู่ในอ่าวเอเดน ทำให้เพลิงไหม้ ทั้งนี้กลุ่ม Houthi ย้ำว่าจะยังโจมตีเรือในบริเวณทะเลแดงต่อไป จนกว่าชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซาจะได้รับความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเพียงพอ
  • 28 ม.ค. 67 อาคาร Tower 22 ของฐานทัพ Al-Tanf ของสหรัฐฯ ที่ตั้งอยู่ในจอร์แดน บริเวณชายแดนติดกับซีเรีย ถูกโดรนโจมตี ทำให้ทหารสหรัฐฯ เสียชีวิต 3 ราย และบาดเจ็บอย่างน้อย 34 ราย โดยคาดว่ามาจากกองกำลังที่อิหร่านสนับสนุน ทั้งนี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ นาย Joe Biden ประกาศจะตอบโต้ผู้โจมตีจนถึงที่สุด
  • กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ (GDP) ในไตรมาส 4/66 (ประมาณการณ์ครั้งแรก) เติบโต 3.3% จากไตรมาสก่อนหน้า ทำให้ประมาณการณ์ GDP ในปี 2566 เติบโต 2.5% จากปีก่อนหน้า
  • ธนาคารกลางของจีน (People’s Bank of China: PBOC) ประกาศลดอัตราส่วนเงินสำรองขั้นต่ำ (Reserve Requirement Ratio: RRR) สำหรับธนาคารพาณิชย์ลง 0.5% ตั้งแต่วันที่ 5 ก.พ. 67 คาดว่าจะช่วยเพิ่มเม็ดเงินเข้าสู่ระบบ 1 ล้านล้านหยวน หรือประมาณ 1.39 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ
Advertisment

- Advertisment -.