กบน.ลดเก็บเงินดีเซลเข้ากองทุนน้ำมันเหลือ 6.24 บาทต่อลิตร จากที่เก็บสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 6.70 บาทต่อลิตร

- Advertisment-

คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง(กบน.) มีมติปรับลดเงินส่งเข้ากองทุนฯ สำหรับผู้ใช้ดีเซลลงเหลือ 6.24 บาทต่อลิตร จากเดิมเรียกเก็บสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 6.70 บาทต่อลิตร ยอมรับเร่งดูดเงินกลับกองทุนฯ เนื่องจากที่ผ่านมาใช้เงินพยุงราคาดีเซลจนปัจจุบันกองทุนติดลบกว่า 1.11 แสนล้านบาทแล้ว  ยืนยัน 15 ก.พ. 2566 ปรับลดราคาดีเซลลง 50 สตางค์ต่อลิตรแน่นอน พร้อมรอลุ้น ครม.สัปดาห์หน้าอนุมัติกรอบเงินกู้อีก 8 หมื่นล้านบาท เสริมสภาพคล่องกองทุนฯ    

ผู้สื่อข่าวศูนย์ข่าวพลังงาน (Energy News Center-ENC) รายงานความคืบหน้าการบริหารเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงว่า เมื่อวันที่ 8 ก.พ. 2566 กองทุนน้ำมันฯ ได้เรียกเก็บเงินผู้ใช้ดีเซลเข้ากองทุนฯ สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 6.70 บาทต่อลิตร เนื่องจากที่ผ่านมากองทุนฯ ได้นำเงินไปพยุงราคาดีเซลในปี 2565 เพื่อไม่ให้ราคาจำหน่ายปลีกสูงเกิน 35 บาทต่อลิตร เป็นผลให้ปัจจุบันกองทุนฯ ยังมีสถานะติดลบหลักแสนล้านบาท

โดยล่าสุด สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง(สกนช.) ได้ประกาศสถานะกองทุนน้ำมันฯ ณ วันที่ 5 ก.พ. 2566 โดยกองทุนฯ ติดลบรวม 111,409 ล้านบาท ซึ่งมาจากการนำเงินไปชดเชยราคาน้ำมัน ทำให้บัญชีน้ำมันติดลบรวม 65,896 ล้านบาท และการนำเงินไปชดเชยราคาก๊าซหุงต้ม(LPG) ทำให้บัญชี LPG ติดลบรวม 45,513 ล้านบาท

- Advertisment -

อย่างไรก็ตามปัจจุบันราคาน้ำมันตลาดโลกยังคงผันผวนปรับตัวสูงขึ้น โดย ณ วันที่ 9 ก.พ. 2566 สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ได้รายงานว่า ค่าการตลาดผู้ค้าน้ำมันดีเซลลดต่ำกว่า 1 บาทต่อลิตรอีกครั้ง โดยอยู่ที่ 0.94 บาทต่อลิตร ซึ่งต่ำกว่าที่ภาครัฐขอความร่วมมือให้คงค่าการตลาดไว้ที่ 1.40 บาทต่อลิตร ซึ่งหากค่าการตลาดลดต่ำจะส่งผลให้ผู้ค้าน้ำมันอาจต้องปรับขึ้นราคาดีเซลเกินกว่าที่จำหน่ายอยู่ 34.94 บาทต่อลิตรได้

ดังนั้นคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง(กบน.) จึงได้เปิดประชุมในวันที่ 9 ก.พ. 2566 โดยปรับลดอัตราจัดเก็บเงินผู้ใช้ดีเซลเข้ากองทุนฯ จาก 6.70 บาทต่อลิตร ลดลง 46 สตางค์ต่อลิตร เหลือ 6.24 บาทต่อลิตร เพื่อให้ผู้ค้าน้ำมันกลับมามีค่าการตลาดที่เหมาะสม และไม่ปรับขึ้นราคาขายปลีกดีเซล

ทั้งนี้ กบน. ไม่มีกรอบอัตราสูงสุดในการจัดเก็บเงินผู้ใช้ดีเซลเข้ากองทุนฯ แต่หากพิจารณาว่าได้จัดเก็บในอัตราสูงเพียงพอแล้วก็จะปรับลดราคาดีเซลลงให้ประชาชน โดยล่าสุด กบน. ได้ประกาศปรับลดราคาดีเซลลง 50 สตางค์ต่อลิตร ในวันที่ 15 ก.พ. 2566 ที่จะถึงนี้ จากราคาขายปลีก 34.94 บาทต่อลิตร จะเหลือ 34.44 บาทต่อลิตร โดยจะส่งผลให้เงินที่เรียกเก็บจากผู้ใช้ดีเซลเข้ากองทุนฯที่ 6.24 บาทต่อลิตร จะเหลือ 5.74 บาทต่อลิตรแทน

สำหรับในส่วนของเงินกู้นั้น กองทุนฯ ได้กู้เงินรวม 30,000 ล้านบาท และใช้หมดไปแล้ว โดยขณะนี้อยู่ระหว่างรอสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) บรรจุกรอบวงเงินกู้เพิ่มเติมเพื่อเสนอให้คณะรัฐมนตรี(ครม.) พิจารณา เบื้องต้นคาดว่าจะอนุมัติเพิ่มอีก 80,000 ล้านบาท ภายในสัปดาห์หน้า (จากกรอบวงเงินกู้รวมทั้งหมด 1.5 แสนล้านบาท) หาก ครม.อนุมัติ ทาง สกนช.จะทยอยกู้เงินตามกรอบวงเงินดังกล่าวต่อไป

อย่างไรก็ตามภาพรวมการกู้เงินนั้น ที่ผ่านมา ครม.อนุมัติวงเงินกู้ที่กระทรวงการคลังจะค้ำประกันได้ 1.5 แสนล้านบาท โดยสามารถทำการกู้ได้ภายในระยะเวลา 1 ปี นับจากวันที่ 6 ต.ค.2565-5 ต.ค. 2566 ซึ่งการกู้เงินจะต้องได้รับการอนุมัติกรอบวงเงินเป็นรอบๆ จาก สบน. และครม.ก่อน  โดยที่ผ่านมากองทุนฯ กู้แล้ว 3 หมื่นล้านบาท และหากได้รับการอนุมัติจาก สนบ.และครม. อีก 8 หมื่นล้านบาท จะเท่ากับกู้ได้รวม 1.1 แสนล้านบาท และยังเหลือวงเงินให้กู้ได้อีก 4 หมื่นล้านบาท ซึ่ง สกนช.คาดว่าจะได้รับการบรรจุวงเงินดังกล่าวได้ทันก่อนครบกำหนดการกู้เงินในวันที่ 5 ต.ค. 2566

ทั้งนี้การที่ สบน.ไม่บรรจุวงเงินกู้ที่เหลือ 1.2 แสนล้านบาททั้งหมดในรอบนี้ โดยจะให้วงเงินเพียง 8 หมื่นล้านบาทก่อน เนื่องจากเห็นว่ากองทุนฯ เริ่มมีเงินไหลเข้า โดย ณ วันที่ 9 ก.พ. 2566 กองทุนฯมีเงินไหลเข้า 493.10 ล้านบาทต่อวัน จากการเรียกเก็บเงินจากผู้ใช้น้ำมันได้วันละ 516.24 ล้านบาท ขณะที่มีรายจ่ายสำหรับใช้อุดหนุนราคาก๊าซหุงต้ม(LPG) อยู่ 23.14 ล้านบาทต่อวัน ซึ่งคาดว่าวงเงิน 8 หมื่นล้านบาทจะช่วยเสริมสภาพคล่องให้กองทุนฯ ได้ถึงเดือน พ.ค. 2566 หากไม่พอก็สามารถขอวงเงินเพิ่มได้อีกจนเต็มกรอบวงเงินต่อไป     

รายงานข่าวจากผู้ค้าน้ำมันแจ้งปรับขึ้นราคาน้ำมันกลุ่มเบนซินอีก 40 สตางค์ต่อลิตร (เฉพาะแก๊สโซฮอล์ 95,91 และเบนซิน) ส่วนราคาดีเซลคงเดิม ที่ 34.94 บาทต่อลิตร  มีผลวันที่ 10 ก.พ. 2566 โดยราคาแก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 36.25 บาทต่อลิตร, แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 35.98 บาทต่อลิตร, แก๊สโซฮอล์ E20 คงราคาเดิมที่ 33.94 บาทต่อลิตร และแก๊สโซฮอล์ E85 คงราคาเดิมที่ 34.39 บาทต่อลิตร ส่วนราคาเบนซินปรับขึ้นมาอยู่ที่ 44.06 บาทต่อลิตร  

Advertisment

- Advertisment -.