ปตท. ระบายสต๊อกน้ำมันดิบ หลังสถานการณ์น้ำมันโลกคลี่คลาย คาดปลายปี 2566 ราคาน้ำมันดิบเฉลี่ย 85-90 เหรียญ/บาร์เรล

- Advertisment-

ปตท. คาดทิศทางราคาน้ำมันดิบปลายปี 2565 อยู่ระดับ 90-100 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนปี 2566 ราคาเฉลี่ยจะลดลงเหลือ 85-90 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล พร้อมทยอยปล่อยสต๊อกน้ำมันดิบออก จากเดิมเก็บสต๊อกไว้ 4 ล้านบาร์เรล เพื่อรองรับกรณีความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน ด้านการแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูงของ ปตท. คาดว่าจะมีข้อสรุปเร็วๆ นี้ โดยมีการแต่งตั้งผู้บริหารเกือบครบทั้งหมดแล้ว เหลือเพียงบริษัท ไทยออยล์ และบริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เปิดเผยว่า ทิศทางราคาน้ำมันดิบในช่วงที่เหลือของปี 2565 นี้ จะเคลื่อนไหวในระดับกว่า 90-100 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล และปี 2566 จะเคลื่อนไหวในกรอบ 85-90 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล โดยเป็นการประเมินภายใต้สถานการณ์ภาวะเศรษฐกิจถดถอย และการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกพลัส ลง 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน

อย่างไรก็ตาม ปตท.ได้ทยอยปล่อยสต็อกน้ำมันดิบออกแล้ว หลังจากก่อนหน้านี้ได้มีการจัดซื้อสต็อกน้ำมันดิบเก็บไว้ประมาณ 4 ล้านบาร์เรล เพื่อรองรับกรณีความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน แต่เมื่อสถานการณ์ไม่รุนแรงมากนักก็สามารถผ่อนคลายการจัดเก็บสต็อกดังกล่าวลงมาอย่างต่อเนื่อง

- Advertisment -

“ตอนนี้ ปตท.ได้ร่วมมือกับกระทรวงพลังงาน ในการจัดหาเชื้อเพลิงให้เพียงพอกับความต้องการใช้พลังงานของประเทศ โดยเฉพาะการผลิตไฟฟ้าที่ช่วงนี้ราคาLNG อยู่ในระดับสูง ก็มีการจัดหาเชื้อเพลิงอื่นๆ เช่น น้ำมัน เข้ามาผลิตไฟฟ้าแทนก๊าซฯ ทำให้ลดสัดส่วนการใช้ก๊าซฯผลิตไฟฟ้าลงไปได้มาก จากแผนเดิมจะต้องนำเข้าก๊าซฯปริมาณมากและอาจส่งผลกระทบต่อค่าไฟฟ้ามากขึ้นไปอีก”

อย่างไรก็ตามในส่วนของโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะ 3 (ช่วงที่ 1) หรือ มาบตาพุด เฟส 3 ยังเดินหน้าโครงการตามแผนที่วางไว้ แม้ว่าปัจจุบันราคา LNG จะปรับสูงขึ้นจนทำให้หลายบริษัทชะลอแผนนำเข้าก็ตาม เนื่องจากโครงการดังกล่าวก่อสร้างขึ้นเพื่อใช้งาน 30-40 ปี

ส่วนความคืบหน้าการแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูงของกลุ่ม ปตท. เพื่อทดแทนผู้ที่เกษียณอายุ คาดว่าจะมีข้อสรุปเร็วๆ นี้ ซึ่งขณะนี้มีการแต่งตั้งผู้บริหารเกือบครบทั้งหมดแล้ว เหลือเพียงบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP และบริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ที่อยู่ระหว่างการสรรหาประธานเจ้าหน้าที่บริหาร

โดยในส่วนของ OR ที่ต้องเข้าสู่กระบวนการสรรหา CEO นั้น เนื่องจาก ปตท.ถือหุ้นในสัดส่วน 2 ใน 3 ทำให้เข้าหลักเกณฑ์การสรรหาประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ตามเกณฑ์รัฐวิสาหกิจ และขณะนี้มีนายสุชาติ ระมาศ ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ OR ซึ่งทั้ง 2 คนก็จะช่วยกันทำงาน เพื่อบริหารงานให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ส่วน TOP ขณะนี้ ทางบอร์ดไทยออยล์ ได้แต่งตั้ง นายนพดล ปิ่นสุภา ดำรงตำแหน่ง กรรมการบริหารความเสี่ยง และรักษาการตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ แทนนายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต ที่ลาออก เนื่องจากเกษียณอายุ มีผลตั้งแต่วันที่ 30 ก.ย. 2565 เป็นต้นไป และบริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาผู้มีคุณสมบัติเหมาะสมดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่

Advertisment

- Advertisment -.