พลังงาน ติดหล่ม รัฐมนตรีใหม่ ควรจะขยับเรื่องอะไรบ้างใน 4 เดือน

717
- Advertisment-

กระทรวงพลังงานเปรียบเหมือนรถโดยสารติดหล่ม เห็นได้ชัดในช่วงสองปีที่ผ่านมา เพราะได้คนขับที่ไม่มีความรู้และประสบการณ์ด้านพลังงานที่มีความสลับซับซ้อน จึงเป็นคนขับที่ไม่ชำนาญเส้นทางที่คดเคี้ยว ถนนหนทางเต็มไปด้วยหลุมบ่อ ข้างหน้า ยิ่งเป็นคนที่มีอัตตาสูง ไม่ไว้วางใจข้าราชการประจำซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญ ชำนาญเส้นทางมากกว่า  จึงส่งผลให้การขับเคลื่อนนโยบายด้านพลังงานหลายเรื่อง วิ่งติดหล่มมาตลอดทาง  รถแทบไม่ขยับไปไหน มีเสียงบ่นจากฝั่งผู้โดยสารที่เป็นเอกชนผู้ประกอบการสะท้อนดังขึ้นเรื่อยๆ ส่วนประชาชน ที่นั่งมาด้วยยังเคลิ้มกับเรื่องประชานิยมพลังงาน กับการสั่งตรึงและลดราคามาโดยตลอด  แต่ผลลัพธ์เมื่อต้องร่วมเดินทางกันมาพบว่าในท้ายรถโดยสารยังคงแบกภาระหนักอึ้ง ทั้งหนี้ที่ กฟผ.ต้องรับแทนประชาชนไปก่อน เพื่อตรึงค่าไฟฟ้า  เงิน Claw back สะสมที่ กกพ.เอาไว้ใช้เป็นเครื่องมือบริหารจัดการค่าเอฟที  ก็ร่อยหรอจนเกือบหมดเพราะเอาไปใช้ลดค่าไฟ ภาระของกองทุนน้ำมันที่ใช้ตรึงราคาดีเซล และก๊าซหุงต้ม ที่ติดลบหลายหมื่นล้านบาท  การสั่งรื้อร่างแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า หรือร่าง PDP 2024 เพื่อให้เริ่มต้นนับหนึ่งจัดทำกันใหม่ ทำให้เกิดความไม่ชัดเจนต่อภาพนโยบายในสายตานักลงทุน  การไม่ยอมเสนอคณะรัฐมนตรี เพื่อเห็นชอบตำแหน่งผู้ว่าการ กฟผ. ตามชื่อที่บอร์ด กฟผ.มีมติ มาร่วมเดือน รวมทั้งตำแหน่งสำคัญในการกำกับดูแลกิจการพลังงาน คือการเสนอแต่งตั้ง กรรมการกำกับกิจการพลังงาน จำนวน 4 คน แทนตำแหน่งที่ว่าง ตั้งแต่ ตุลาคม ปีที่แล้ว และปล่อยให้ กรรมการ กกพ.ที่ยังอยู่ 3 คน และรักษาการ กกพ. 1 คน นั่งประชุมกันไปเรื่อยๆ ก็ยังไม่มีคำตอบว่าเหตุใดจึงต้องล่าช้า

ถึงวันที่ต้องเปลี่ยนคนขับ หรือเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีพลังงานคนใหม่ ก็ไม่มีคำร่ำลาใดๆ ระหว่างรัฐมนตรีคนเก่ากับข้าราชการประจำให้สาธารณชนได้เห็น เช่นกระทรวงอื่นๆ อาจเพราะจังหวะไม่ดีที่ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงพลังงาน ส่วนใหญ่ยังอยู่ที่งาน Gastech 2025 ที่มิลาน อิตาลี 

สำหรับตำแหน่งคนขับคนใหม่ ที่รัฐบาลอนุทิน ส่งมา ที่ชื่อ “อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์” ต้องบอกว่าเป็นการเลือกคนได้เหมาะสมกับงานเป็นอย่างมาก เพราะถึงพร้อมด้วยความรู้และประสบการณ์ กดปุ่มทำงานได้เลย แต่ความท้าทายก็คือ ระยะเวลาที่กำหนดให้ต้องทำงานมีเพียง 4 เดือน ไม่นับช่วงที่ต้องรักษาการ  ( ตามMOA ที่ต้องประกาศยุบสภาใน 4 เดือน) การที่ต้องทำหน้าที่เป็นผู้ขับรถรับไม้ต่อ และต้องขึ้นจากหล่ม เพื่อเดินทางต่อ มีภาระการเตรียมพร้อมภาคพลังงาน เปลี่ยนผ่าน สู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี คศ. 2050 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2065 ถือเป็นโจทย์ที่ยาก

- Advertisment -

อย่างไรก็ตาม ยังเห็นปัจจัยบวกที่หนุนต่อการทำงาน คือข้าราชการประจำ ผู้บริหารระดับสูงในกระทรวงพลังงาน และรัฐวิสาหกิจ ที่พร้อมเป็นกลไกขับเคลื่อนงาน ซึ่งล้วนเป็นคนคุ้นเคย ร่วมทำงานด้วยกันมาก่อน  และอีกปัจจัยบวกที่สำคัญอีกเรื่องคือสถานการณ์ราคาพลังงานในตลาดโลกทั้งน้ำมันดิบที่มีผลต่อราคาน้ำมันสำเร็จรูปในประเทศ และราคา Spot LNG ที่เป็นต้นทุนในการผลิตไฟฟ้า ยังอยู่ในระดับต่ำ ทำให้ การบริหารจัดการราคาพลังงานในประเทศไม่ต้องกังวลว่าจะต้องขยับค่าไฟฟ้า ราคาดีเซล หรือ ก๊าซหุงต้ม ให้สูงไปกว่าเดิม ซึ่งจะช่วยลดแรงกดดันทางการเมืองที่กระทบต่อการวางนโยบายในระยะยาว

ในมุมมองของสื่อมวลชนด้านพลังงานที่เฝ้าติดตามและรายงานข่าว มองว่า เรื่องสำคัญที่รัฐมนตรีพลังงานคนใหม่ ที่เปรียบเหมือนคนขับรถยนต์ ขับเคลื่อนนโยบายด้านพลังงานของประเทศ  จะต้องทำให้จบใน 4 เดือนแรก นั้นแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ ส่วนของการกำหนดนโยบาย และ ส่วนของการกำกับดูแลให้เป็นไปตามนโยบาย

โดยส่วนของการกำหนดนโยบายที่ยังค้างอยู่ คือการจัดทำแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ ฉบับใหม่ ที่เรียกสั้นๆว่า แผนพีดีพี   โดยปัจจุบันแผนพีดีพี ที่ใช้อย่างเป็นทางการล่าสุดคือ พีดีพี 2018 ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1 ที่มีเนื้อหาสาระในแผนไม่ตอบโจทย์การเปลี่ยนผ่านพลังงานจากฟอสซิลไปสู่พลังงานสะอาด  ส่วนร่างแผนพีดีพี 2024 ที่ผ่านการรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและประชาชนไปแล้ว แต่ถูกสั่งรื้อให้เริ่มต้นนับหนึ่งใหม่นั้น  แม้ว่าจะเป็นแผนที่ตอบโจทย์เป้าหมาย Carbon Neutrality และ Net Zero  แต่ก็ยังมีปัญหาเรื่องสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าในมือของ กฟผ.ในช่วงปลายแผนที่มีไม่ถึง 20%  จึงนำมาสู่ข้อกังวลว่าหากปล่อยให้การผลิตไฟฟ้าอยู่ในมือของผู้ประกอบการเอกชนในสัดส่วนที่สูงเกินไปจะกระทบต่อการดูแลความมั่นคงระบบไฟฟ้าของประเทศหรือไม่ 

โดยอัพเดทการจัดทำแผนพีดีพี ฉบับใหม่  รักษาการประธาน กพช.ได้ลงนามในคำสั่งเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2568 แต่งตั้งคณะกรรมการพยากรณ์และจัดทําแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ ที่มีนายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ อดีตปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นประธานกรรมการ  และ กพช.มีมติ วันที่  21 สิงหาคม 2568 เห็นชอบขยายอายุโรงไฟฟ้าของ กฟผ. ทั้งโรงไฟฟ้าแม่เมาะ เครื่องที่ 8 และ 11 ออกไป 6 ปี จากวันที่ 31 ธันวาคม 2568 ไปเป็นวันที่ 31 ธันวาคม 2574  และโรงไฟฟ้าน้ำพองชุดที่ 1 และ 2  ออกไปอีก 6 ปี เช่นกัน ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2569 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2574  เพื่อให้มีการใช้ทรัพยากรภายในประเทศให้เกิดประโยชน์สูงสุด ลดการนำเข้า LNG จากต่างประเทศ โดยให้บรรจุไว้ในแผนพีดีพี ฉบับใหม่ 

อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ว่าที่รัฐมนตรีพลังงานคนใหม่ ที่ตอบรับการทาบทามจาก นายกรัฐมนตรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล

ซึ่งประเด็นที่สื่อมวลชนด้านพลังงาน ให้ความสนใจในเรื่องนี้ คือ รัฐมนตรีพลังงานคนใหม่ จะเสนอให้มีการเปลี่ยนแปลงรายชื่อคณะกรรมการพยากรณ์และจัดทําแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ หรือไม่อย่างไร และจะมีการทบทวนมติ กพช.วันที่  21 สิงหาคม 2568 หรือไม่  นอกจากนี้ยังมีประเด็นที่ต้องการ  การตัดสินใจเชิงนโยบายว่า แผนพีดีพี ฉบับใหม่ จะรักษาสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าของ กฟผ.ไว้ที่ระดับใดจึงจะมีความเหมาะสมต่อการดูแลความมั่นคงด้านไฟฟ้าให้กับประเทศ และโรงไฟฟ้าพลังความร้อน สุราษฏร์ธานี 1 และ 2 กำลังการผลิตรวมประมาณ 1,400 เมกะวัตต์ ที่เคยถูกบรรจุไว้ในแผนพีดีพี 2018 แต่ไม่อยู่ในร่างแผนพีดีพี 2024  จะกลับมาอยู่ในแผนพีดีพี ฉบับใหม่หรือไม่ เพราะเป็นโครงการที่มีส่วนสำคัญในการรักษาความมั่นคงระบบไฟฟ้าของภาคใต้ โดยเฉพาะจังหวัดท่องเที่ยวที่อยู่ทางฝั่งทะเลอันดามัน 

ในส่วนของการกำกับดูแลนั้น น่าจะเป็นจังหวะที่ดี ในการแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อมาสรรหา  บุคคลที่จะมาเป็นกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ที่ยังว่างอยู่ 4 ตำแหน่ง หลังจากที่ว่างเว้นมาตั้งแต่เดือนตุลาคม  2567 เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากกว่าที่เป็นอยู่ 

สำหรับประเด็นที่มีความสำคัญที่ยังรอการตัดสินใจของรัฐมนตรีพลังงาน ที่จะมีส่วนช่วยเสริมความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ คือการพิจารณาต่ออายุสัมปทานแหล่งปิโตรเลียมในประเทศที่ใกล้สิ้นสุดอายุ  การเร่งเปิดให้มีการสำรวจและผลิตแหล่งปิโตรเลียมในพื้นที่ใหม่ๆที่ยังมีศักยภาพ  ส่วนพื้นที่อ้างสิทธิ์ทางทะเลระหว่างไทยกับกัมพูชา หรือ OCA  นั้น นั้นทางว่าที่รัฐมนตรีพลังงานคนใหม่ ตอบชัดเจนแล้วว่าจะยังไม่ไปแตะเรื่องนี้จนกว่าจะมีข้อยุติเรื่องเขตแดน 

ประเทศไทย นั้นเป็นประเทศผู้นำเข้าพลังงานสุทธิ เพราะแหล่งพลังงานในประเทศที่มีอยู่ไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ ราคาพลังงานที่มีความผันผวนในตลาดโลก จึงส่งผลกระทบต่อราคาขายในประเทศ  ดังนั้น นโยบายการตรึงราคาพลังงานที่ยาวนาน ต่อเนื่องและกดลงให้ต่ำกว่าต้นทุนที่แท้จริง จึงทำให้โครงสร้างการใช้พลังงานในประเทศถูกบิดเบือน  และประชาชนคุ้นชินกับพลังงานราคาถูกที่ต้องมีการอุดหนุน ด้วยเงินของผู้ใช้พลังงานอีกกลุ่มมาโดยตลอด  ในขณะเดียวกัน ประเทศยังต้องเผชิญกับความท้าทายกับกระแสโลกที่กดดันให้ต้องเปลี่ยนผ่านพลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิลไปสู่พลังงานสะอาด ซึ่งยังมีต้นทุนสูง และต้องนำเข้าเทคโนโลยีขั้นสูงที่พัฒนาจากต่างประเทศ ทั้ง พลังงานไฮโดรเจน พลังงานนิวเคลียร์ขนาดจิ๋ว (Small Modular Reactor –SMR) เทคโนโลยีการกักเก็บคาร์บอน หรือ CCS ( Carbon Capture and Storage)

ช่วงเวลาทำงานหนักในบทบาทรัฐมนตรีพลังงาน ที่กำหนดไว้ 4 เดือน  หากเปรียบเหมือนเราได้คนขับรถที่มีความรู้ ความสามารถ มีประสบการณ์ตรงจากการเป็นเคยเป็นเบอร์หนึ่งของรัฐวิสาหกิจด้านพลังงานของประเทศ สิ่งที่จะช่วยให้คนขับขยับรถขึ้นจากการติดหล่มประชานิยมพลังงาน คือความเข้าใจเรื่องพลังงานตามข้อเท็จจริงจากทุกภาคส่วน และการได้แรงเข็นช่วยจากทั้งภาคราชการ เอกชน  ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้การตั้งโจทย์นโยบายด้านพลังงาน เข้าไปมีส่วนสร้างความมั่นคงพลังงานให้ประเทศ  ดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม มีราคาที่เป็นธรรม และช่วยลดความเหลื่อมล้ำในสังคมได้อย่างแท้จริง

Advertisment