OR เยือนจีน ส่องเทคโนโลยีอนาคต “รถบินได้”

12
- Advertisment-

จับตาทิศทางธุรกิจของบริษัทน้ำมันเบอร์ 1 ของเมืองไทย “บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จํากัด (มหาชน)” หรือ OR ที่กำลังปรับตัวไปพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ โลกที่เทคโนโลยีเติบโตไม่หยุดยั้งและพัฒนาการของยานยนต์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว  

หนึ่งในประเทศที่มีความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยียานยนต์มากที่สุดในภูมิภาคเอเชียคือ จีน ประเทศมหาอำนาจโลก ที่ไม่เพียงพัฒนายานยนต์ไฟฟ้า (EV) อย่างโดดเด่น ยังก้าวล้ำไปถึงการพัฒนาด้านอวกาศที่ทั่วโลกจับตามอง ล่าสุด OR จึงนำคณะสื่อมวลชนไทยไปเจาะลึกความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีของจีน ณ เมืองกวางโจวและเมืองซัวเถา ระหว่างวันที่ 21-24 พ.ย. 2568   

การเดินทางเยือนจีนในครั้งนี้เป็นจังหวะเดียวกับที่จีนจัดมหกรรมเทคโนโลยียานยนต์ “Auto Guangzhou 2025” ที่จัดขึ้นปีละครั้ง ซึ่งเป็นเวทีแสดงศักยภาพเทคโนโลยียานยนต์ของจีนต่อสายตาชาวโลก พร้อมเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด Xpeng Flying Car (AeroHT) รถบินได้ เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่สามารถบินได้ (eVTOL) แบบแยกส่วน (Modular) ซึ่งประกอบด้วยยานยนต์ภาคพื้นดิน ซึ่งเป็นรถมินิแวน 6 ล้อ ที่รองรับได้ 4-5 คน และโมดูลเครื่องบิน eVTOL (เครื่องบินไฟฟ้าที่สามารถขึ้น-ลงแบบตั้งฉาก) ซึ่งสามารถแยกออกจากตัวรถได้ และบินในโหมด low-altitude

- Advertisment -

นายไพจิตร วิบูลย์ธนสาร รองประธานและเลขาธิการหอการค้าไทยในจีน กล่าวว่า รถบินได้ของจีนยังมีอีกหลายบริษัทที่อยู่ระหว่างการทดลอง เบื้องต้นภาครัฐของจีนจะเป็นผู้ให้บริการและควบคุมการบินรถเชิงพาณิชย์ เพื่อความปลอดภัยและป้องกันอุบัติเหตุการบิน โดยมีเอกชนเป็นผู้รับสัมปทาน ซึ่งจะนำร่องด้วยการให้บริการในรูปแบบรถแท็กซี่ บินระยะไกลเพียง 30 กิโลเมตรก่อน จากภาคตะวันตกไปภาคตะวันออก ราคาประมาณ 59 หยวน  ซึ่งคาดว่าปี 2569 จะมีรถบินได้ 5,000 คันต่อปี และในปี 2570-2571 จะมีประมาณ 10,000 คัน ราคาประมาณ 10 ล้านบาทต่อคัน ซึ่งจีนเป็นประเทศที่ก้าวหน้าด้านรถบินได้มากที่สุดในโลก และนำร่องทดลองเชิงพาณิชย์แล้ว ซึ่งจะกลายเป็นผู้นำรถบินได้ในอนาคต

ประโยชน์ของรถบินได้คือ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพราะใช้ไฟฟ้า ประหยัดพลังงาน มีระบบเทคโนโลยีที่ทำให้จอดได้แม่นยำ เพิ่มช่องทางในการเดินทางมากขึ้น ซึ่งประเทศไทยก็มีโอกาสทำได้ ถ้าไทยมีระบบ 5G ที่เสถียร และแก้ไขกฎระเบียบภาครัฐให้เอื้อต่อการพัฒนาเชิงพาณิชย์

สำหรับงาน “Auto Guangzhou 2025” มีรถรุ่นใหม่เปิดตัว 93 รุ่น รถจัดแสดงรวม 1,085 คัน เป็นรถพลังงานใหม่ 629 คัน ซึ่งเป็นรุ่นที่โดดเด่นด้านไฟฟ้าและระบบอัจฉริยะ จนถึงการนำแสดงรถ Hongqi (หงฉี) รถหุ้มเกราะสั่งทำพิเศษของประธานาธิบดี “สี จิ้นผิง” ซึ่งสะท้อนพลังการผลิตรูปแบบใหม่ของอุตสาหกรรมยานยนต์โลก

พร้อมกันนี้ OR ยังพาเยี่ยมชม บริษัท Baiyun Power Group หนึ่งในผู้ผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีผลิตภัณฑ์ครบวงจร และเป็นผู้จัดหาอุปกรณ์และระบบควบคุมหลักให้กับโครงการสำคัญระดับชาติ เช่น State Grid, China Southern Power Grid ระบบรถไฟฟ้าในเมือง และศูนย์ข้อมูลต่างๆ มายาวนานกว่า 30 ปี ด้วยความเชี่ยวชาญในการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อเสถียรภาพและความปลอดภัยของระบบไฟฟ้า มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่นครกว่างโจว และมีฐานการผลิตรวม 21 แห่งใน 20 เมืองทั่วประเทศ

นวัตกรรมเด่นคือ V2G (Vehicle-to-Grid) เทคโนโลยีที่ทำให้รถไฟฟ้ากลายเป็นส่วนหนึ่งของระบบไฟฟ้า ที่ระบบพลังงานในอนาคตที่สื่อสารได้สองทาง เช่น ในช่วงที่มีความต้องการใช้ไฟสูง (peak) รถ EV ที่จอดและชาร์จอยู่สามารถดึงพลังงานกลับไปช่วยกริดได้ เป็นต้น

กงสุลใหญ่ ณ นครกว่างโจว นายกาจฐิติ วิวัธวานนท์ กล่าวว่า ประเทศจีนมีเป้าหมายที่ชัดเจนว่า ต้องยกระดับเศรษฐกิจทั้งระบบ ตั้งแต่อุตสาหกรรมเหล็ก พลังงาน สายการผลิต หุ่นยนต์อุตสาหกรรม ความสามารถด้าน AI จนถึง Smart Manufacturing แบบครบวงจร เพื่อสู่เป้าหมายการยกระดับคุณภาพของการเติบโตให้สามารถแข่งขันระดับโลกได้ในระยะยาว

โดยเมืองกว่างโจวนั้นจีนถือเป็นจุดยุทธศาสตร์ของจีนตอนใต้ เพราะเป็นศูนย์กลางการค้าระหว่างประเทศและประตูนวัตกรรมที่เชื่อมจีนเข้ากับอาเซียนอย่างแนบแน่น ทั้งโลจิสติกส์ เทคโนโลยี และอุตสาหกรรมใหม่ ซึ่งมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจจีนไม่ต่างจากเซี่ยงไฮ้หรือปักกิ่ง

หลังจากนั้นคณะสื่อมวลชนได้มีโอกาสเยี่ยมชมบริษัท Huaneng Power International, Inc. (HPI) โดยเดินทางจากกวางโจวสู่เมืองซัวเถา ด้วยรถไฟความเร็วสูง HPI เป็นบริษัทผลิตไฟฟ้ารายใหญ่อันดับ 2 ของจีนและอันดับ 2 ของโลก อีกทั้งยังเป็นบริษัทที่ผลิตพลังงานสีเขียวหลากหลายรูปแบบที่สุด ครอบคลุมทั้งพลังงานความร้อน พลังน้ำ พลังลม พลังแสงอาทิตย์ พลังงานนิวเคลียร์ และชีวมวล มีสัดส่วนพลังงานสะอาดสูงถึง 49%

โดยมี Floating Solar Farm ที่ใหญ่ที่สุดในมณฑลกวางตุ้ง โดยติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์เหนือผิวน้ำ นอกจากเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตไฟแล้วยังยังช่วยลดอุณหภูมิน้ำและการระเหย ขณะเดียวเกษตรกรยังสามารถเลี้ยงปลาและกุ้งใต้แผงโซลาร์ กลายเป็นรูปแบบการพัฒนาที่จีนเรียกว่าGreen Plus” ซึ่งผสานพลังงานสีเขียวเข้ากับเศรษฐกิจชุมชน เกษตร และการท่องเที่ยวได้อย่างกลมกลืนของจีน นอกจากนี้ยังมี โครงสร้างพื้นฐานการชาร์จ EV และระบบพลังงานแบบบูรณาการ

ม.ล.ปีกทอง ทองใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร OR กล่าวว่า บทบาทของ OR ในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านพลังงานของประเทศผ่านโครงสร้างพื้นฐานยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ครบวงจร เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายของประเทศไทยที่จะมุ่งสู่ Net Zero ภายในปี 2050 โดยมีหนึ่งในแนวทางขับเคลื่อนคือ กำหนดเป้าหมายให้ 30% ของรถยนต์ที่ผลิตในประเทศเป็นรถไฟฟ้าภายในปี 2030 และสนับสนุนการพัฒนาโครงข่ายสถานีชาร์จให้เพียงพอกับปริมาณรถไฟฟ้าที่จะเพิ่มขึ้น

ปัจจุบัน OR มีสถานีชาร์จ EV Station PluZ เข้ามาต่อยอดการดำเนินธุรกิจสถานีบริการ เสริมความแข็งแกร่งของระบบนิเวศธุรกิจ ขยายเครือข่าย EV Station PluZ ให้ครอบคลุม พร้อมเป้าหมายขยายสถานีชาร์จ 7,000 หัวชาร์จ DC ทั่วประเทศภายในปี 2030 โดยปัจจุบัน OR มีหัวชาร์จแล้วกว่า 3,300 หัวชาร์จ ทั้งในสถานีบริการ PTT Station สถานี LPG สถานี NGV พร้อมทั้งขยายสถานีชาร์จทั้งในและนอก PTT Station รวมถึงพื้นที่เชิงพาณิชย์ที่มีศักยภาพ และเป็นพื้นที่มีความต้องการหนาแน่น เช่น ศูนย์การค้า โรงแรม โรงพยาบาล ออฟฟิศ และสำนักงาน ตลอดจนหน่วยงานต่างๆ ของรัฐ

การเยี่ยมชมความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีของจีนในครั้ง ยิ่งตอกย้ำว่า จีน และ OR กำลังเดินไปสู่ทิศทางพลังงานสะอาดเหมือนกัน แม้ไทยยังไม่มีความก้าวหน้าผลิตรถยนต์บินได้เหมือนจีน แต่ก็ได้เรียนรู้การเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมยานยนต์โลกที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ เพื่อเตรียมความพร้อมและปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงในยุคที่เทคโนโลยีก้าวล้ำ เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนของผู้ค้าน้ำมันอันดับหนึ่งของไทยอย่าง OR

Advertisment