กระทรวงพลังงานเปิดไทม์ไลน์ลดชนิดน้ำมันในประเทศให้เหลือดีเซลและเบนซินเพียงอย่างละ 1 ชนิด นอกนั้นให้เป็นน้ำมันทางเลือก

1832
- Advertisment-

กระทรวงพลังงาน คาดสิ้นปี 2566 มีผลชัดเจนว่าประชาชนจะเลือกน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 หรือ แก๊สโซฮอล์ 95 เป็นน้ำมันพื้นฐานกลุ่มเบนซินของประเทศ จากนั้นมีเวลา 9 เดือนเริ่มดำเนินการลดชนิดน้ำมันที่จำหน่ายในปั๊มลง พร้อมขีดเส้นตายยกเลิกชดเชยราคาแก๊สโซฮอล์และไบโอดีเซลทุกชนิดภายใน 24 ก.ย. 2567 แต่กฎหมายยังเปิดช่องให้เสนอ ครม. ขอขยายเวลาไปได้อีก 2 ปี หากดำเนินการไม่ทัน โดยขึ้นกับรัฐบาลใหม่จะตัดสินใจ ด้านสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) ยังคงเดินหน้าเป้าหมายถ่างราคาแก๊สโซฮอล์ E20 ให้ถูกกว่าแก๊สโซฮอล์ 95 ถึง 3 บาทต่อลิตร จากปัจจุบันต่างกันอยู่ 2.31 บาทต่อลิตร หวังประชาชนเลือกใช้ แก๊สโซฮอล์ E20 เป็นหลัก  

ผู้สื่อข่าวศูนย์ข่าวพลังงาน (Energy News Center -ENC) รายงานว่า กระทรวงพลังงานคาดการณ์ว่าภายในสิ้นปี 2566 นี้ จะมีความชัดเจนเกี่ยวกับแผนปรับลดชนิดน้ำมันที่จำหน่ายในสถานีบริการน้ำมันลง โดยจะเหลือเพียงน้ำมันพื้นฐานสำหรับดีเซลและเบนซินอย่างละ 1 ชนิด ส่วนน้ำมันชนิดอื่นจะเป็นเพียงน้ำมันทางเลือกเท่านั้น ซึ่งแต่ละปั๊มจะต้องมีน้ำมันพื้นฐานดีเซลและเบนซินจำหน่ายตามที่กระทรวงพลังงานกำหนดไว้ ส่วนน้ำมันทางเลือกจะมีจำหน่ายหรือไม่ก็ได้ ซึ่งเป็นไปตามแผนบริหารจัดการน้ำมันเชื้อเพลิง(Oil Plan) ที่กรมธุรกิจพลังงานอยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูลในขณะนี้

เบื้องต้นกระทรวงพลังงานกำลังเตรียมจะเปิดรับฟังความเห็นประชาชนต่อแผน Oil Plan ดังกล่าว โดยสาระสำคัญอยู่ที่การพิจารณาเลือกชนิดน้ำมันพื้นฐานของกลุ่มเบนซินไว้เพียงชนิดเดียว ระหว่างแก๊สโซฮอล์ E20 หรือ แก๊สโซฮอล์ 95 ส่วนดีเซลจะไปพิจารณาในด้านการกำหนดสัดส่วนการผสมน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ในน้ำมันดีเซลทุกลิตรแทน

- Advertisment -

โดยปลายปี 2566 นี้จะมีความชัดเจนว่าจเลือกน้ำมันใดเป็นน้ำมันพื้นฐานของประเทศ และจากนั้นกระทรวงพลังงานมีเวลา 9 เดือน เพื่อดำเนินการลดชนิดน้ำมันที่จำหน่ายในสถานีบริการน้ำมันลง และให้เสร็จก่อนวันที่ 24 ก.ย. 2567 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่กฎหมายกำหนดให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงต้องดำเนินการยกเลิกการอุดหนุนราคาน้ำมันที่มีส่วนผสมจากพืชพลังงาน ทั้งกลุ่มแก๊สโซฮอล์และไบโอดีเซล

อย่างไรก็ตามขณะนี้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงกำลังพยายามสร้างส่วนต่างราคาระหว่าง แก๊สโซฮอล์ E20 ให้มีราคาถูกกว่าแก๊สโซฮอล์ 95 ประมาณ 3 บาทต่อลิตร เพื่อผลักดันให้ประชาชนหันไปใช้ แก๊สโซฮอล์ E20ให้มากที่สุด โดย ณ วันที่ 15 มิ.ย. 2566 ราคาแก๊สโซฮอล์ E20 อยู่ที่ 32.94 บาทต่อลิตร ส่วนแก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 35.25 บาทต่อลิตร ซึ่งราคาต่างกันอยู่ 2.31 บาทต่อลิตร โดยกองทุนน้ำมันฯ ยังสร้างส่วนต่างราคาไปไม่ถึง 3 บาทต่อลิตร เนื่องจากกองทุนน้ำมันฯ ยังประสบปัญหาสภาพคล่องบัญชีกองทุนฯ ติดลบถึง 63,376 ล้านบาท

ทั้งนี้หากในอนาคตประชาชนตัดสินใจที่จะเลือกใช้แก๊สโซฮอล์ 95 เป็นน้ำมันพื้นฐานแทน แก๊สโซฮอล์ E20 เมื่อถึงเวลานั้น ทางกองทุนฯ ก็พร้อมจะปรับทิศทางกระชากราคาให้คนส่วนใหญ่หันกลับมาใช้ แก๊สโซฮอล์ 95 ให้มากที่สุดแทน เพื่อให้แผนการปรับลดชนิดน้ำมันที่จำหน่ายในประเทศประสบความสำเร็จ และเป็นไปตามกฎหมายยกเลิกการชดเชยราคาน้ำมันเชื้อเพลิงชีวภาพในที่สุด

อย่างไรก็ตามหากเงื่อนเวลาที่ได้กำหนดไว้ ไม่สามารถยกเลิกการชดเชยราคาแก๊สโซฮอล์และไบโอดีเซลได้ทัน ทางสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง(สกนช.) จะต้องทำเรื่องขออนุมัติขยายเวลาออกไปอีก 2 ปี หรือภายใน 24 ก.ย. 2569 ต่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้พิจารณาอนุมัติต่อไป

แต่การขออนุมัติขยายเวลาดังกล่าวจะเป็นครั้งสุดท้าย เนื่องจากตามกฎหมายกำหนดให้ยกเลิกการชดเชยราคามาตั้งแต่ 24 ก.ย. 2565 แต่ พ.ร.บ.กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2562 กำหนดให้สามารถขอขยายเวลาได้ 2 ครั้ง ครั้งละไม่เกิน 2 ปี โดยที่ผ่านมา สกนช. ได้ขอขยายเวลามา 1 ครั้งแล้ว โดย ครม.อนุมัติให้ขยายเวลาการยกเลิกชดเชยราคาเชื้อเพลิงชีวภาพได้ถึงวันที่ 24 ก.ย. 2567 นี้  

ดังนั้นปัจจุบัน สกนช. ยังยืนยันว่า ภายในวันที่ 24 ก.ย. 2567 จะเป็นวันสุดท้ายของการชดเชยราคาแก๊สโซฮอล์และไบโอดีเซล จากนั้นจะต้องยกเลิกการชดเชยราคาทั้งหมด และราคาต้องเป็นไปตามกลไกตลาด ส่วนจะมีการขอต่ออายุไปอีก 2 ปี เพื่อชะลอการยกเลิกชดเชยราคาหรือไม่นั้น ต้องรอรัฐบาลใหม่พิจารณาต่อไป

Advertisment