กองทุนน้ำมันฯ รับศึกหนัก คาดสิ้นปี 2566 กลับมาติดลบทะลุ 1 แสนล้านบาทอีกครั้ง

301
N4431
- Advertisment-

พลังงาน คาดกองทุนน้ำมันฯ สิ้นปี 2566  ติดลบแตะ 1 แสนล้านบาทอีกรอบ หลังลดเก็บเงินแก๊สโซฮอล์ 91 และ E85 เข้ากองทุนฯ ประกอบกับการปรับลดราคาดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร ส่งผลภาพรวมเงินไหลออก 6-7 พันล้านบาทต่อเดือน และอุดหนุน LPG ทำเงินไหลออกอีก 1 หมื่นล้านบาท โดยปัจจุบันกองทุนฯ ติดลบอยู่ที่  75,625 ล้านบาท ระบุเฉพาะลดเก็บเงินจาก แก๊สโซฮอล และ E85 เข้ากองทุนฯ ทำเงินหาย 11.19 ล้านบาทต่อวัน ด้านราคาน้ำมันโลกเริ่มลด ขณะค่าการตลาดน้ำมันยังสูง คาดราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศจ่อลดลงได้อีกเร็วๆ นี้   

ผู้สื่อข่าวศูนย์ข่าวพลังงาน (Energy News Center -ENC) รายงานว่า ภายหลังจากการปรับลดราคาน้ำมันกลุ่มเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ ที่เริ่มมีผล 7 พ.ย. 2566 ด้วยการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันและลดการเก็บเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง สำหรับผู้ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 และ E85 ส่งผลให้รายรับกองทุนน้ำมันฯ หายไป 11.19 ล้านบาทต่อวัน จากเดิมกองทุนฯ มีรายได้จากการเก็บเงินผู้ใช้เบนซิน-แก๊สโซฮอล์ รวม 74.56 ล้านบาทต่อวัน กลับเหลือเพียง 66.37 ล้านบาทต่อวัน

สำหรับภาพรวมกองทุนน้ำมันฯ ปัจจุบันยังอยู่ในภาวะเงินไหลออกจากกองทุนฯ 206.01 ล้านบาทต่อวัน ซึ่งมาจากการอุดหนุนราคาดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร รวมทั้งลดการเก็บเงินผู้ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 และ E85 ทำให้เงินไหลออก 193.56 ล้านบาทต่อวัน  นอกจากนี้ยังนำเงินไปอุดหนุนราคาก๊าซหุงต้ม (LPG) ทำให้เงินไหลออก 12.44 ล้านบาทต่อวัน

- Advertisment -

อย่างไรก็ตามสถานะกองทุนน้ำมันฯ ล่าสุดที่รายงานโดย สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) ณ วันที่ 5 พ.ย. 2566 พบว่าสถานะกองทุนฯ เริ่มติดลบมากขึ้น โดยติดลบรวม 75,625 ล้านบาท ซึ่งมาจากบัญชีน้ำมันติดลบ 30,185 ล้านบาท และบัญชี LPG ติดลบ 45,440 ล้านบาท

ทั้งนี้กระทรวงพลังงานคาดการณ์ว่า สิ้นปี 2566 นี้ กองทุนน้ำมันฯ จะกลับมาสู่สถานะติดลบถึง 1 แสนล้านบาทอีกครั้ง (หลังจากเคยติดลบสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 1.3 แสนล้านบาท ในปี 2565 และปรับลดลงได้ถึง 6 หมื่นล้านบาท เมื่อเดือน มิ.ย. 2566) เนื่องจากปัจจัยจากการกลับมาปรับลดราคาดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร (จากเดิมเคยขยับขึ้นไปได้ถึง 32 บาทต่อลิตร)  รวมทั้งการลดเก็บเงินผู้ใช้แก๊สโซฮอล์ 91 และ E85 ในครั้งนี้ ส่งผลให้กองทุนฯ มีเงินไหลออกจากบัญชีน้ำมันถึงเดือนละ 6-7 พันล้านบาท และบัญชี LPG ไหลออกรวม 1 หมื่นล้านบาทต่อเดือน ดังนั้นสิ้นปี 2566 นี้ กองทุนฯ อาจจะต้องกลับมาติดลบ 1 แสนล้านบาทอีกครั้ง

ส่วนราคาขายปลีกน้ำมัน ก็มีโอกาสปรับลดลงอีกครั้ง เนื่องจากค่าการตลาดน้ำมันกลุ่มเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ยังคงสูง ประกอบกับราคาน้ำมันตลาดโลกขยับลดลงอีก โดยล่าสุด ณ วันที่ 7 พ.ย. 2566  เวลาประมาณ 16.00 น.  ราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ระดับ 85.93 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ราคาลดลงถึง 3.83 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล  ส่วนน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) อยู่ที่ 79.46 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล  ลดลง 1.36 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล  และราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) อยู่ที่ 83.76 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ลดลง 1.42 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล

ขณะที่ค่าการตลาดน้ำมันดีเซล ณ วันที่ 7 พ.ย. 2566 ที่รายงานโดยสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.) พบว่า ค่าการตลาดน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 2.18 บาทต่อลิตร ขณะที่ค่าการตลาดน้ำมันกลุ่มเบนซินอยู่ในระดับสูงประมาณ 3.6-4 บาทต่อลิตร  โดยเฉลี่ยค่าการตลาดตั้งแต่วันที่ 1-7 พ.ย. 2566 อยู่ที่ระดับ 2.60 บาทต่อลิตร โดยค่าการตลาดที่เหมาะสมควรอยู่ที่ระดับ 1.50-2 บาทต่อลิตร

Advertisment