วิริยะประกันภัย ยืนยันไม่ทิ้งเบี้ยประกันรถยนต์ไฟฟ้า แม้คาดการณ์แรงซื้อในปี 69 ยังสูงต่อเนื่อง

27
- Advertisment-

วิริยะประกันภัย คาดแรงซื้อรถยนต์ไฟฟ้าในปี 69 ยังสูงต่อเนื่อง เพราะตอบโจทย์ประหยัดพลังงาน ยืนยันไม่ทิ้งเบี้ยประกัน ในขณะที่ช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา ยอดเบี้ยประกันภัยรถยนต์โดยรวมอยู่ที่ประมาณ 30,000 ล้านบาท โดยที่รถยนต์ไฟฟ้ายังครองส่วนแบ่งการตลาดกว่าร้อยละ 40 แนะค่ายรถยนต์ เตรียมอะไหล่รองรับการซ่อม และเคลมประกัน 

นายสยม โรหิตเสถียร  รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา ยอดเบี้ยประกันภัยรถยนต์ 30,000 ล้านบาท แบ่งเป็นเบี้ยประกันภัยจากรถเครื่องยนต์สันดาปภายใน ( internal combustion engine) ที่ใช้น้ำมัน และรถยนต์ไฟฟ้า 2+EV โดยรถยนต์ไฟฟ้ายังครองส่วนแบ่งการตลาดสูงถึงร้อยละ 40 ของตลาดรวม   หรือประมาณ 7-8 หมื่นคัน   ซึ่งถือว่าความนิยมยังมาแรง 

โดยเฉพาะรถยนต์ไฮบริด  ซึ่งเป็นทางเลือกใหม่ ใช้ทั้งเครื่องยนต์น้ำมันและแบตเตอรี่ไฟฟ้า ทั้งสองแบบ ในช่วงที่โครงสร้างพื้นฐานสถานีชาร์จแบตเตอรี่ทั่วประเทศยังไม่พร้อมมากนัก เพราะ รถยนต์ไฮบริดรุ่นใหม่ๆ จะมีระบบชาร์จแบตในตัวรถได้ รถยนต์ไฮบริด จึงทำยอดขายได้ดี   

- Advertisment -

สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ตลาดรวมเบี้ยประกันกว่าแสนคันในช่วง 9 เดือน  ยอมรับว่าเบี้ยประกันของรถยนต์ไฟฟัายังไม่นิ่ง เพราะยังถือเป็นเรื่องใหม่สำหรับบริษัทประกัน  ที่ต้องระมัดระวัง และต้องมีเวลาทดลองงาน จึงวางเบี้ยประกันในระดับกลางพอสมควรในช่วงแรก เพื่อประเมินอัตราส่วนค่าสินไหมทดแทน (Loss Ratio) หรือ  อัตราส่วนค่าเสียหาย อัตราส่วนค่าสินไหมทดแทน ค่าซ่อม เพื่อดูแนวโน้มว่าเป็นอย่างไร

อย่างไรก็ตามทางวิริยะประกันภัย ยืนยันว่า จะไม่ทิ้งเบี้ยประกันรถยนต์ไฟฟ้า EV อย่างแน่นอน  หากแนวโน้มไม่ดี ก็ต้องปรับเพิ่มให้สอดคล้องกับต้นทุนที่เกิดขึ้น ปัจจุบันเบี้ยประกันรถยนต์ไฟฟ้าสูงกว่ารถเครื่องยนต์น้ำมันเล็กน้อย ยอมรับว่าบางยี่ห้อกำหนดจากต้นทุน ทั้งค่าแรง ค่าผลิต ค่าอะไหล่รถยนต์ เพื่อส่งต่อต้นทุนไปยังรถยนต์ไฟฟ้าค่ายอื่นๆ สำหรับแนวโน้มการรับประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า 2+ EV หากเป็นรถเก๋ง เริ่มต้นที่ 13,000 บาท ทุนประกัน 100,000 บาท หากเลือกราคาเริ่มต้นที่ 14,000 บาท ทุนประกัน 200,000 บาท ส่วนราคาเริ่มต้น 15,000 บาท ทุนประกัน 300,000 บาท 

“หากรถยนต์ไฟฟ้า ประสบปัญหาเกิดอุบัติเหตุ เรื่อง เคาะพ่นสี หรือชิ้นส่วนอะไหล่อื่นๆ จะไม่แตกต่างจากรถยนต์เครื่องน้ำมัน จึงไม่มีปัญหา  แต่กังวลเรื่องแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า บางค่ายแบตเตอรี่จัดการซ่อมได้ เพราะแยกชิ้นส่วนแบตเตอรี่มาทำการซ่อมได้  บางค่ายซ่อมไม่ได้ ต้องเปลี่ยนแบบยกก้อนแบตทั้งหมด  ทำให้มีปัญหาเรื่องการรับประกันภัยอยู่ในขณะนี้ จึงมีต้นทุนแตกต่างกัน มองว่า คนซื้อรถยุคใหม่ ยังเน้นการประหยัดน้ำมัน จึงเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อตอบโจทย์การประหยัดน้ำมัน แต่ในเรื่องการผลิตต้องมีอะไหล่พร้อมดูแลลูกค้า ไม่ใช่รอการสั่งนำเข้าจากต่างประเทศ ดังนั้น รถยนต์ไฟฟ้าจากจีนยังมีแนวโน้มดี” นายสยม กล่าว 

Advertisment