จับตาประชุม กพช. เร่งรัด Quick Big Win ด้านพลังงาน 

555
- Advertisment-

จับตาการประชุม กพช. เตรียมอนุมัติหลักการตามนโยบาย Quick Big Win ด้านพลังงาน ทั้งโครงการโซลาร์ฟาร์มชุมชน Direct PPA สำหรับ Data Center และการจัดทำแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าฉบับใหม่ หรือ PDP2026 ที่มีแนวโน้มสูงจะทบทวนมติ กพช.เดิม เพื่อให้ รัฐมนตรีพลังงานและปลัดกระทรวงพลังงาน กลับมามีบทบาทในการจัดทำแผน วงในระบุ โรงไฟฟ้าสุราษฏร์ธานี 1,400 เมกะวัตต์ของ กฟผ. เกิดยาก เพราะต้องลงทุนโครงสร้างพื้นฐานระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติไปรองรับ ซึ่งจะส่งผลต่อต้นทุนค่าไฟฟ้า แหล่งข่าวระบุ เดิม กพช. นัดประชุม 22 ตุลาคม นี้ แต่ล่าสุดได้เลื่อนออกไปก่อน โดยยังไม่กำหนดวันประชุมใหม่

ผู้สื่อข่าวศูนย์ข่าวพลังงาน ( Energy News Center -ENC ) รายงานว่า คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ หรือ กพช. ที่มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เดิมจะมีการประชุมในวันที่ 22 ตุลาคม 2568 นี้ แต่ล่าสุดได้เลื่อนออกไปก่อน โดยยังไม่กำหนดวันประชุมใหม่ ทั้งนี้ วาระสำคัญในการระชุม กพช. ครั้งที่จะถึงนี้ คือ การอนุมัติหลักการตามนโยบาย Quick Big Win ด้านพลังงาน ของรัฐบาล เพื่อมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการ หลังจากที่ เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมาที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจได้พิจารณาแผนงานภายใต้นโยบาย “Quick Big Win” ของกระทรวงพลังงาน ซึ่งจะนำไปสู่การลดค่าครองชีพให้กับประชาชน การสร้างรายได้ให้ชุมชน และการเตรียมความพร้อมด้านพลังงานให้กับอุตสาหกรรมเป้าหมายที่จะมาลงทุนในประเทศไทย ไปแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในโครงการโซลาร์ฟาร์มชุมชน มีประเด็นใน ครม.เศรษฐกิจ ซึ่งที่ประชุม กพช.นำมาพิจารณาด้วย เช่น เน้นการกระจายตัวของชุมชนและต้องรองรับกับระบบสายส่งไฟฟ้าที่มีความพร้อมอยู่แล้ว โดย กพช.จะอนุมัติหลักการดำเนินการที่สำคัญ และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องคือกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน หรือ พพ. ,คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ( กกพ.)  การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ไปร่วมกันพิจารณาจัดทำหลักเกณฑ์รายละเอียดเรื่องคุณสมบัติของแต่ละชุมชนที่จะเข้าร่วมในโครงการ และการออกประกาศหลักเกณฑ์การรับซื้อไฟฟ้า เพื่อให้เริ่มต้นดำเนินการได้ 

- Advertisment -

ส่วนวาระ Direct PPA สำหรับ Data Center ที่ กพช.เคยมีมติเห็นชอบในหลักการให้เปิดให้เอกชนทำสัญญา Direct PPA นำร่องที่ปริมาณไฟฟ้า 2,000 เมกะวัตต์ เพื่อให้ไม่ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างกิจการไฟฟ้าของไทย ซึ่งปัจจุบันเป็นแบบ Enhanced Single Buyer Model (ESB) โดยให้การไฟฟ้าเป็นผู้รับซื้อไฟฟ้าเพียงรายเดียวไปแล้ว นั้น จะมีการรายงานความคืบหน้า ในประเด็นที่แต่ละหน่วยงาน เช่น คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ที่ต้องไปจัดทำอัตราค่าบริการการใช้และเชื่อมต่อระบบ ที่ครอบคลุมค่าบริการต่าง ๆ เช่น 1) ค่าบริการระบบส่งและระบบจำหน่ายไฟฟ้า (Wheeling Charge) 2) ค่าบริการเชื่อมต่อระบบโครงข่ายไฟฟ้า (Connection Charge) 3) ค่าบริการความมั่นคงระบบไฟฟ้า (System Security Charge หรือ Ancillary Services Charge) 4) ค่าบริการหรือค่าปรับในการปรับสมดุลหรือบริหารปริมาณไฟฟ้า (Imbalance Charge) 5) ค่าใช้จ่ายเชิงนโยบาย (Policy Expenses) และค่าบริการหรือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ที่ต้องเหมาะสมและเป็นธรรมต่อผู้ใช้ไฟฟ้าในภาพรวมทั้งประเทศ และสอดรับกับข้อเสนออัตราค่าบริการไฟฟ้าสีเขียว  (Utility Green Tariff: UGT)

สำหรับเรื่องการจัดทำแผนพัฒนากําลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ หรือ PDP ฉบับใหม่ ที่จะถูกเรียกว่าเป็น PDP2026 ที่จะมาใช้แทนแผน PDP2018 rev1 ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันนั้น กระทรวงพลังงาน จะมีการเสนอให้ กพช. พิจารณาว่าจะแต่งตั้งคณะกรรมการพยากรณ์และจัดทําแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศชุดใหม่ เป็นผู้จัดทำแผน หลังจากที่ประธานคณะกรรมการ ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากประธาน กพช.คนก่อนได้ยื่นหนังสือลาออก หรือจะทบทวนมติ กพช. เพื่อกลับไปใช้กระบวนการจัดทำแผน แบบเดิมที่เคยดำเนินการมาก่อนหน้านี้ ซึ่งมีปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นประธานคณะอนุกรรมการพยากรณ์ความต้องการใช้ไฟฟ้า โดยอยู่ภายใต้ คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน ( กบง.) ที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเป็นประธาน  โดยมีความเป็นไปได้สูงว่า จะเป็นการทบทวนมติเดิม เพื่อให้การจัดทำแผนPDPฉบับใหม่ ดำเนินการได้อย่างรวดเร็วและแล้วเสร็จภายใน 4 เดือน 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  แผน PDP2026 จะมีความสำคัญต่อทิศทางพลังงานของประเทศ ถือเป็นการสร้างความยั่งยืนระยะยาว เพื่อรองรับเป้าหมาย Net Zero 2050 ซึ่งคณะกรรมการที่ได้รับมอบหมายจาก กพช.จะต้องมีการจัดทำพยากรณ์ความต้องการใช้ไฟฟ้าใหม่  การเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนให้มากขึ้นจากแผน PDP2018 rev1 ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน  โดยประเด็นที่หลายฝ่ายให้ความสนใจก็คือ โรงไฟฟ้าสุราษฎร์ธานี 1 และ 2  กำลังผลิตรวม1,400 เมกะวัตต์ ที่จะดำเนินการโดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ.ที่เดิมอยู่ในแผน PDP2018 rev1 นั้นจะถูกบรรจุไว้ในแผน PDP ฉบับใหม่หรือไม่  แหล่งข่าวในกระทรวงพลังงาน ระบุว่า การสร้างโรงไฟฟ้าสุราษฎร์ธานี เพื่อความมั่นคงของระบบไฟฟ้าในภาคใต้นั้น จะต้องมีการลงทุนระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติเส้นใหม่เข้ามาที่โรงไฟฟ้าด้วย ซึ่งจะทำให้การลงทุนมีต้นทุนที่สูงขึ้นจนส่งผลกระทบต่อค่าไฟฟ้า เมื่อเทียบกับ การลงทุนในทางเลือกอื่นๆในภาคใต้ที่มีความพร้อมในเรื่องพื้นที่และระบบสายส่งไฟฟ้ารองรับอยู่ใหม่  อย่างไรก็ตาม สัดส่วนกำลังผลิตไฟฟ้าที่จะมาแทนโรงไฟฟ้าสุราษฎร์ธานีดังกล่าว ควรจะต้องให้ กฟผ.เป็นผู้ดำเนินการ

Advertisment