ราช​ กรุ๊ป​ลุ้นชนะประมูล​โรงไฟฟ้า​ชุมชน​ 6​ โครงการ​

860
- Advertisment-

บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ลุ้นได้สิทธิ์โครงการโรงไฟฟ้าชุมชน​ หลังยื่น 6 โครงการ รวม 18 เมกะวัตต์ในพื้นที่ภาคใต้ ในขณะที่การนำเข้า​LNG​ป้อนโรงไฟฟ้าหินกอง​ ปริมาณ​ 1.4 ล้านตันต่อปี​ ยังอยู่ในระหว่างการเจรจา พร้อมเตรียมงบลงทุนปี 2564 จำนวน 15,000 ล้านบาท เพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าในโครงการใหม่อีก 700 เมกะวัตต์

นายกิจจา ศรีพัฑฒางกุระ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้เข้าร่วมประมูลโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก​ (โครงการนำร่อง​ ) ที่อยู่ระหว่างการประมูลในขณะนี้ โดยได้เข้าร่วมแข่งขันประมูลทั้งหมด 6 โครงการ ซึ่งมีทั้งโรงไฟฟ้าชีวมวลและโรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพ อย่างละ 3 เมกะวัตต์ รวมทั้งสิ้น 18 เมกะวัตต์ ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ภาคใต้ เนื่องจากบริษัทฯ มีโรงไฟฟ้า​ ตั้งอยู่ในภาคใต้อยู่แล้ว และมีความสามารถในการจัดหาเชื้อเพลิงได้ อีกทั้งการลงทุนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังได้อัตราราคารับซื้อไฟฟ้าพรีเมียมเพิ่มอีก 50 สตางค์ต่อหน่วยด้วย

“ครั้งแรกเราจะเข้าร่วมประมูล 8 โครงการ รวม 24 เมกะวัตต์ แต่เมื่อตรวจสอบสายส่งแล้ว มี 2 โครงการไม่ผ่าน ทำให้ต้องตัดออกไป 2 โครงการ ดังนั้นจึงเหลือที่ประมูลจริงเพียง 6 โครงการ ขนาดโครงการละ 3 เมกะวัตต์ ตอนนี้ก็รอขั้นตอนการประมูล และรอให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ประกาศผลในเดือน ส.ค. 2564 ซึ่งตามกำหนดต้องก่อสร้างให้เสร็จใน 3 ปี หรือภายใน ธ.ค. 2567 ”

- Advertisment -

ส่วนการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว​ (LNG) มาใช้กับโรงไฟฟ้าหินกองนั้น ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างเจรจากับผู้ประกอบการนำเข้าหลายราย ซึ่งเป็นการทำคู่ขนานกันระหว่างรอให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน​ (กกพ.) ออกหลักเกณฑ์ด้านราคานำเข้า LNG เพื่อไม่ให้กระทบต่อค่าไฟฟ้าประชาชน เบื้องต้นบริษัทฯ คาดว่าจะใช้ LNG ประมาณ 1.4 ล้านตันต่อปี เพื่อรองรับโรงไฟฟ้าหินกองที่จะผลิตไฟฟ้าเข้าระบบ (COD) ระหว่างปี 2567 และ 2568 โดยการซื้อ LNG จะมีทั้งรูปแบบสัญญาระยะยาว เพื่อป้องกันความเสี่ยง และราคาตลาดจร​ (Spot) ควบคู่กันไปตามราคาที่เหมาะสม

สำหรับในปี 2564 นี้ บริษัทฯ ได้จัดสรรเงินลงทุนสำหรับโครงการใหม่เน้นโรงไฟฟ้าไว้ 7,000 ล้านบาท และโครงการเดิมอีก 8,000 ล้านบาท ​ รวม 15,000 ล้านบาท โดยในไตรมาสแรก บริษัทฯ ได้ใช้เงินลงทุนไปแล้วจำนวน 3,257 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นเงินลงทุนซื้อหุ้น 15.53% ของบริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) และโครงการพลังงานลมเน็กส์ซีฟ เบนเตร ในเวียดนาม เป็นต้น

โดยโครงการใหม่ ยังเน้นการลงทุนในโรงไฟฟ้าเป็นสำคัญ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าประเภทเชื้อเพลิงหลักในต่างประเทศ กำลังผลิตรวมไม่น้อยกว่า 500 เมกะวัตต์ และโครงการประเภทพลังงานทดแทนในต่างประเทศ อีกไม่น้อยกว่า 200 เมกะวัตต์ ส่วนการลงทุนในประเทศ บริษัทฯ ได้เข้าร่วมประมูลโครงการโรงไฟฟ้าชุมชน รวมกำลังการผลิต 18 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ ยังแสวงหาการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ ที่มีศักยภาพการเติบโตในอนาคตต่อไปอีกด้วย

Advertisment