โชว์ผลงาน “กองทุนน้ำมันฯ” พยุงราคาดีเซล 12 วัน ช่วยไทยพ้นวิกฤติราคาพลังงานช่วงสงครามอิสราเอล-อิหร่าน

56
- Advertisment-

สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เผยผลงาน “กองทุนน้ำมันฯ” ช่วยรักษาเสถียรภาพราคาขายปลีกน้ำมัน รับมือสงครามอิสราเอล-อิหร่าน ช่วง 12 วัน ตรึง “ดีเซล” ไม่เกิน 32 บาทต่อลิตร ช่วยลดภาระค่าครองชีพประชาชน

นายพรชัย จิรกุลไพศาล ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างอิสราเอล-อิหร่าน ในช่วง 12 วัน (วันที่ 13 -24 มิ.ย. 2568) ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะกลุ่มน้ำมันดีเซล ซึ่งเชื่อมโยงโดยตรงกับภาคขนส่งและค่าครองชีพของประชาชน ทางคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ได้ใช้บทบาทสำคัญของ “กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง” ในการรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันเชื้อเพลิงภายในประเทศ ตามแนวทางแผนวิกฤตการณ์ด้านน้ำมันเชื้อเพลิง มาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ.2562 ลดการจัดเก็บเงินจนถึงนำเงินไปชดเชยราคาดีเซล ไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนมากจนเกินไป

นายพรชัย จิรกุลไพศาล ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.)

โดย กบน. ได้มีมติเร่งด่วน จำนวน 5 ครั้งภายในเวลากว่าหนึ่งสัปดาห์เพื่อลดผลกระทบ โดยเริ่มจากลดเก็บเงินผู้ใช้ดีเซลเพื่อส่งเข้ากองทุนฯ จากเดิมจัดเก็บอยู่ที่ 2.40 บาทต่อลิตร เป็นการต้องชดเชยที่ 0.65 บาทต่อลิตร เพื่อคงราคาขายปลีกไม่ให้เกินลิตรละ 32 บาท ทำให้สามารถตรึงราคาหน้าปั๊มน้ำมันไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยลดภาระค่าครองชีพให้ประชาชนในช่วงเวลาสำคัญ

- Advertisment -

โดยการรักษาเสถียรภาพ และตรึงราคาน้ำมันในช่วง 12 วันที่ผ่านมา จะส่งผลให้สภาพคล่องของกองทุนน้ำมันฯ ประเภทน้ำมันดีเซลติดลบ คือมีรายจ่ายสูงสุดประมาณวันละ 40.75 ล้านบาทต่อวัน แต่เมื่อสถานการณ์สงครามอิสราเอล-อิหร่าน เริ่มคลี่คลายจากการไกล่เกลี่ยของสหรัฐฯ ราคาน้ำมันโลกก็เริ่มกลับสู่ภาวะปกติ ทำให้กองทุนน้ำมันฯ กลับมาจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ได้อีกครั้ง ปัจจุบัน กลุ่มน้ำมันดีเซล มีรายรับประมาณวันละ 57.41 ล้านบาท และกลุ่มน้ำมันเบนซิน มีรายรับประมาณวันละ 96.17 ล้านบาท

ขณะที่ฐานะเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 13 ก.ค. 2568 กองทุนน้ำมันฯ ติดลบอยู่ที่ -31,588 ล้านบาท แบ่งเป็น บัญชีน้ำมันบวกอยู่ที่ 12,406 ล้านบาท และบัญชี LPG ติดลบอยู่ที่ -43,994 ล้านบาท

“บทเรียนจากวิกฤตราคาน้ำมันช่วงที่ผ่านมา สะท้อนถึงความจำเป็นของกลไกกองทุนน้ำมันฯ ที่มีความยืดหยุ่น ทันต่อสถานการณ์ และมุ่งมั่นดูแลประชาชนทุกระดับอย่างเท่าเทียม สะท้อนการทำหน้าที่และบทบาทของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในการรักษาเสถียรภาพด้านราคาพลังงานให้กับประชาชนในช่วงวิกฤตการณ์ด้านราคาพลังงานเสมอมา ด้วยหลักการเปิดเผย โปร่งใส ตรวจสอบได้ และยึดประโยชน์ของประชาชนเป็นศูนย์กลาง ภายใต้กรอบของพระราชบัญญัติกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2562 พร้อมขอขอบคุณผู้ค้าน้ำมันที่ให้ความร่วมมือในการสนับสนุนภารกิจสำคัญในช่วงเวลาดังกล่าว”

อย่างไรก็ตามกระทรวงพลังงานยังคงเฝ้าติดตามสถานการณ์ต่างๆ อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะสถานการณ์ในทะเลแดง และภูมิภาคอื่นๆ ที่อาจส่งผลกระทบด้านราคาพลังงาน กระทรวงพลังงานโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน จึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจขึ้นมาดูแล ได้แก่ คณะกรรมการเตรียมการจัดหาน้ำมันเชื้อเพลิง และก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ซึ่งมี    นายสราวุธ แก้วตาทิพย์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เป็นประธาน และมีตน (นายพรชัย จิรกุลไพศาล) ร่วมเป็นกรรมการในชุดนี้ โดยคณะกรรมการดังกล่าวจะทำหน้าที่เตรียมการจัดหาน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) เพื่อรองรับสถานการณ์พลังงานจากวิกฤติในตะวันออกกลาง และปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ อย่างรอบด้าน

Advertisment