เขียนเล่าข่าว: ยอดใช้ NGV รอบ 8 เดือนลด 16% ด้าน ปตท. ยังคงช่วยเหลือราคากลุ่มแท็กซี่และรถโดยสารสาธารณะ

45
- Advertisment-

ยอดใช้ NGV รอบ 8 เดือน (มกราคม – สิงหาคม 2568) ลดลงถึง 16% จากจำนวนรถ NGV ที่ลดลง และสถานีบริการ NGV ที่ปิดตัวลงต่อเนื่อง คาดหันไปใช้รถ EV มากขึ้น ด้าน ปตท. ยังคงให้การช่วยเหลือราคา NGV กับกลุ่มรถแท็กซี่และรถโดยสารสาธารณะ ผ่านโครงการบัตรสิทธิประโยชน์

กรมธุรกิจพลังงานรายงานสถานการณ์ภาพรวมการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ในช่วงเดือนมกราคม – สิงหาคม 2568  ในส่วนของการใช้ก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ หรือ NGV นั้นมียอดการใช้เฉลี่ยอยู่ที่ 2.39 ล้าน กก./วัน ลดลง 16% โดยมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับจำนวนรถ NGV จดทะเบียนสะสมที่ลดลง และจำนวนสถานีบริการ NGV ที่มีแนวโน้มปิดตัวลงอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ปตท. ยังคงช่วยเหลือผ่านโครงการบัตรสิทธิประโยชน์ ให้กับกลุ่มรถแท็กซี่และรถโดยสารสาธารณะ และได้ประกาศปรับขึ้นราคา NGV สำหรับรถทั่วไป 0.22 บาท/กก. ส่งผลให้ราคาอยู่ที่ 17.30 บาท/กก. โดยมีผลระหว่างวันที่ 16 กันยายน-15 ตุลาคม 2568 และจะมีการพิจารณาทบทวนทุก ๆ เดือน เพื่อสะท้อนกลไกต้นทุนราคาที่แท้จริง

ทั้งนี้ ศูนย์ข่าวพลังงาน Energy News Center – ENC รายงาน ข้อมูลจากกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ระบุว่ายานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภทรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) เดือนกรกฎาคม 2568 จดทะเบียนใหม่ มีจำนวน 12,124 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคมปีที่แล้วที่ 45.51% โดย 7 เดือนแรกของปีนี้ มีรถ BEV จดทะเบียนใหม่สะสม 81,179 คัน เพิ่มขึ้น 35.08%

- Advertisment -

ในขณะที่การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในภาพรวม ในช่วงเดือนมกราคม – สิงหาคม 2568 นั้น กรมธุรกิจพลังงาน รายงานว่า มีปริมาณอยู่ที่ 155.23 ล้านลิตร/วัน ลดลง 0.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

โดยปริมาณการใช้น้ำมันกลุ่มเบนซิน เฉลี่ยอยู่ที่ 31.64 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้น 1% น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 มีปริมาณการใช้เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 19.47 ล้านลิตร/วัน ซึ่งมีสาเหตุมาจากส่วนต่างราคาระหว่างน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 กับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 ลดลงมาอยู่ที่ 0.37 บาท/ลิตร (ราคาเฉลี่ยเดือนมกราคม-สิงหาคม 2568) เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนส่วนต่างราคาระหว่างน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 กับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 1.01 บาท/ลิตร จึงเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ผู้บริโภคเลือกใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 เพิ่มขึ้นจากปีก่อน

ขณะที่การใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 น้ำมันแก๊สโซฮอล์อี 20 น้ำมันเบนซิน และน้ำมันแก๊สโซฮอล์อี 85 มีปริมาณการใช้ที่ลดลงมาอยู่ที่ 6.61 ล้านลิตร/วัน 5.12 ล้านลิตร/วัน 0.39 ล้านลิตร/วัน และ 0.06 ล้านลิตร/วัน ตามลำดับ

สาเหตุมาจากหลายปัจจัย อาทิ การขยายตัวของยานยนต์ไฟฟ้า (BEV HEV และ PHEV) โดยมีสัดส่วน 6.8% ของรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ไม่เกิน 7 คน รวมถึงการใช้งานระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนที่มีการขยายตัวของผู้โดยสารอย่างต่อเนื่องคิดเป็น 2% เมื่อเทียบกับปีก่อน

ปริมาณการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว เฉลี่ยอยู่ที่ 66.01 ล้านลิตร/วัน ลดลง 2.2% โดยน้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดา ลดลงมาอยู่ที่ 65.99 ล้านลิตร/วัน และดีเซลหมุนเร็วบี 20 ลดลงมาอยู่ที่ 0.02 ล้านลิตร/วัน ซึ่งมีสาเหตุมาจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และภาคการส่งออกชะลอตัวจากผลกระทบของมาตรการภาษีสหรัฐฯ รวมถึงการชะลอตัวของการส่งออกสินค้าและการผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลงหลังจากเร่งไปในช่วงก่อนหน้า 

ปริมาณการใช้ Jet A1 เฉลี่ยอยู่ที่ 17.01 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้น 9% ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่องจากปีก่อน โดยจำนวนผู้เดินทางทั้งคนไทยและต่างชาติขยายตัว 1.64% รวมไปถึงการขยายตัวของบริการขนส่งสินค้าทางอากาศ ในขณะที่นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยสะสม 8 เดือนของปี 2568 มีจำนวน 21.87 ล้านคน ลดลง 6.4% ซึ่งเป็นการลดลงของนักท่องเที่ยวชาวเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ (โดยเฉพาะจีน) ที่ลดลง 25.95% เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากการแข่งขันในภูมิภาคที่รุนแรงขึ้น รวมถึง ททท. ได้มีการปรับลดคาดการณ์นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยจากเดิมคาดการณ์ไว้ที่ 40 ล้านคน เหลือ 33.4 ล้านคน ซึ่งลดลงราว 6% เมื่อเทียบกับปีก่อน

ปริมาณการใช้ LPG เฉลี่ยอยู่ที่ 17.87 ล้าน กก./วัน ลดลง 5% ซึ่งเป็นผลมาจากการใช้ในภาคปิโตรเคมี ที่ลดลงมาอยู่ที่ 7.68 ล้าน กก./วัน และภาคขนส่งลดลงมาอยู่ที่ 2.27 ล้าน กก./วัน ขณะที่การใช้ในภาคครัวเรือนเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 5.86 ล้าน กก./วัน และภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2.06 ล้าน กก./วัน

ปริมาณการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิง เฉลี่ยอยู่ที่ 1,027,738 บาร์เรล/วัน ลดลง 2 % คิดเป็นมูลค่าการนำเข้ารวม 77,969 ล้านบาท/เดือน โดยเป็นการลดลงของการนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูป (น้ำมันเบนซินพื้นฐาน น้ำมันดีเซลพื้นฐาน น้ำมันอากาศยาน และ LPG) มาอยู่ที่ 35,408 บาร์เรล/วัน ลดลง 46% คิดเป็นมูลค่าการนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปอยู่ที่ 2,066 ล้านบาท/เดือน ขณะที่น้ำมันดิบมีการนำเข้าเพิ่มขึ้น อยู่ที่ 992,330 บาร์เรล/วัน เพิ่มขึ้น 0.9% คิดเป็นมูลค่าการนำเข้าน้ำมันดิบอยู่ที่ 75,903 ล้านบาท/เดือน

ปริมาณการส่งออกน้ำมันสำเร็จรูป เฉลี่ยอยู่ที่ 142,500 บาร์เรล/วัน ลดลง 16.9% โดยเป็นการส่งออกน้ำมันเบนซิน น้ำมันดีเซล น้ำมันเตา น้ำมันอากาศยาน และ LPG คิดเป็นมูลค่าส่งออกรวม 11,820 ล้านบาท/เดือน

Advertisment