กระทรวงพลังงานเยือนอะแลสกา เร่งเจรจาโครงการความร่วมมือด้านก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ร่วมกับรัฐอะแลสกา (Alaska LNG) เพื่อเสริมความมั่นคงด้านพลังงานไทย และผลักดันบทบาทของไทยในการเป็นศูนย์กลางการค้า LNG ในภูมิภาคเอเชียในอนาคตด้วย ชี้แหล่ง Alaska LNG มีศักยภาพของปริมาณก๊าซสำรองที่พิสูจน์แล้วในพื้นที่ North Slope กว่า 40 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต ที่สามารถผลิตและส่งออก LNG ได้กว่า 40 ล้านตันต่อปี
เมื่อวันที่ 6 พ.ค. 2568 นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงาน พร้อมด้วยผู้บริหารบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และบริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) เดินทางไปรัฐอะแลสกา เพื่อพบหารือกับผู้ว่าการรัฐอะแลสกา กรรมาธิการด้านรายได้และกรรมาธิการด้านทรัพยากรธรรมชาติรัฐอะแลสกา ประธานบริษัท Alaska Gasline Development Corperation และผู้แทนบริษัท Glenfarne ซึ่งเป็นภาคส่วนที่สำคัญทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาโครงการลงทุนเพื่อผลิตและส่งออกก๊าซธรรมชาติเหลวจากรัฐอะแลสกา สหรัฐอเมริกา

โดยการเดินทางไปเจรจาโครงการก๊าซธรรรมชาติเหลวครั้งนี้ เป็นผลสืบเนื่องมาจากการเยือนไทยของ Mr. Mike Dunleavy ผู้ว่าการรัฐอะแลสกา เมื่อเดือน มี.ค. 2568 ที่ผ่านมา ซึ่งสหรัฐอเมริกาภายใต้การนำของประธานาธิบดี Donald Trump ได้เสนอข้อริเริ่มความร่วมมือกับไทยในการพัฒนาโครงการ Alaska LNG เพิ่มเติมจากความร่วมมือเดิมที่ไทยได้มีการนำเข้าน้ำมันและรับซื้อ LNG จากสหรัฐอเมริกามาอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว ซึ่งการเจรจาครั้งนี้เป็นการสนับสนุนแนวนโยบายของกระทรวงพลังงานในการแสวงหาแหล่งเชื้อเพลิงเพื่อรองรับความต้องการใช้พลังงานของไทยที่เพิ่มขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะก๊าซธรรมชาติซึ่งถือเป็นเชื้อเพลิงคาร์บอนต่ำที่มีบทบาทสำคัญในช่วงของการเปลี่ยนผ่านทางพลังงาน โดยความร่วมมือในโครงการดังกล่าวยังเป็นโอกาสในการสร้างความร่วมมือในการลงทุนและผลิตก๊าซธรรมชาติเพื่อสร้างเสริมความมั่นคงด้านพลังงานของไทยและผลักดันบทบาทของไทยในการเป็นศูนย์กลางการค้า LNG ในภูมิภาคเอเชียในอนาคตอีกด้วย

สำหรับการเจรจาในครั้งนี้จะช่วยเน้นย้ำความสนใจของไทยที่จะร่วมมือกับสหรัฐอเมริกาในการพัฒนาโครงการ Alaska LNG ในหลากหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นในด้านการลงทุนในการสำรวจและผลิตปิโตรเลียม การร่วมลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานในแหล่งดังกล่าว รวมถึงการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลวระยะยาวจากสหรัฐอเมริกาในราคาที่เหมาะสม ซึ่งแหล่งอะแลสกาถือเป็นแหล่งผลิตปิโตรเลียมที่มีศักยภาพในเชิงพาณิชย์และได้รับการสนับสนุนเชิงนโยบายจากรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีทรัมป์อย่างเข้มแข็ง รวมถึงมีศักยภาพของปริมาณก๊าซสำรองที่พิสูจน์แล้วในพื้นที่ North Slope กว่า 40 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต ที่สามารถผลิตและส่งออก LNG ได้กว่า 40 ล้านตันต่อปี และส่งออกไปยังภูมิภาคเอเชียได้อย่างสะดวกผ่านทางมหาสมุทรแปซิฟิกในราคาที่แข่งขันได้ เนื่องจากเป็นแหล่งก๊าซที่มีขนาดใหญ่ ต้นทุนเนื้อก๊าซต่ำ และสหรัฐฯ มีการใช้เครื่องจักรในการผลิตและการขนส่งที่มีประสิทธิภาพ โดยคาดว่าจะสามารถขนส่ง LNG มายังไทยได้ภายใน 10-15 วัน ในขณะที่การขนส่งจากแหล่งในตะวันออกกลางต้องใช้ระยะเวลาถึง 25-30 วัน

นอกจากนี้ คณะฯ ยังได้เข้าพบกับผู้บริหารท้องถิ่นของเมือง Keanu ซึ่งเป็นที่ตั้งของโครงการผลิตก๊าซธรรมชาติในอะแลสกาที่ดำเนินการอยู่แล้ว พบว่าประชาชนในท้องถิ่นของรัฐอะแลสกาให้ความสำคัญและให้การยอมรับโครงการฯ โดยมองว่าเป็นกลไกสำคัญในการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานและสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจของท้องถิ่นมาอย่างยาวนาน และยินดีที่จะร่วมมือกับนานาประเทศในการขยายการพัฒนาโครงการ Alaska LNG ในอนาคต
สำหรับแนวทางการผลักดันความร่วมมือดังกล่าว กระทรวงพลังงานจะมีการพิจารณาปริมาณของการนำเข้าก๊าซจากแหล่ง Alaska LNG ที่มีความเหมาะสม ซึ่งอาจอยู่ที่ประมาณ 3-5 ล้านตันต่อปี โดยขึ้นอยู่กับราคาและเงื่อนไขต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการเจรจา ทั้งนี้ ปลัดกระทรวงพลังงานได้มอบหมายให้บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และบริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทผู้ที่ได้รับใบอนุญาตการเป็นผู้ประกอบการจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติ ( LNG Shipper) ของไทย ให้มีการเจรจาในรายละเอียดของโครงการและพิจารณาความเหมาะสมในเชิงธุรกิจสำหรับการผลักดันความร่วมมือในโครงการ Alaska LNG ร่วมกับฝ่ายสหรัฐฯ ต่อไป