บัญชีน้ำมัน ของกองทุนน้ำมันฯ ติดลบเหลือ -372 ล้านบาท จ่อเป็นบวกในอีก 2 เดือน หลังมีรายรับเข้า 307 ล้านบาทต่อวัน

74
- Advertisment-

ลุ้นเงินในบัญชีน้ำมัน ของกองทุนน้ำมันฯ กลับมาเป็นบวกในอีก 2 เดือน เหตุเหลือการติดลบแค่ -372 ล้านบาท ขณะที่มีรายรับเข้า 307 ล้านบาทต่อวัน (9,210 ล้านบาทต่อเดือน) จากการเรียกเก็บเงินผู้ใช้น้ำมันทุกชนิดส่งเข้ากองทุนฯ ล่าสุดคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ปรับการเรียกเก็บเงินจากผู้ใช้เบนซิน-ดีเซลส่งเข้ากองทุนฯ ลดลง 60-70 สตางค์ต่อลิตร หลังราคาน้ำมันโลกปรับตัวลง ส่วนภาพรวมกองทุนฯ ยังคงติดลบรวม -45,484 ล้านบาท คาดพลิกเป็นบวกได้ในอีก 5 เดือนจากนี้

ผู้สื่อข่าวศูนย์ข่าวพลังงาน (Energy News Center – ENC) รายงานสถานการณ์กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงรายสัปดาห์ว่า เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่แยกเป็น 2 บัญชี คือบัญชีที่ใช้ดูแลราคาน้ำมัน และบัญชีที่ใช้ดูแลราคาก๊าซหุงต้ม (LPG) ปัจจุบันพบว่าในส่วนของบัญชีน้ำมันที่เคยใช้เงินพยุงราคาน้ำมันมาตั้งแต่ปลายปี 2564 และเคยทำให้บัญชีน้ำมันติดลบสูงสุดไปถึง 88,788 ล้านบาท ในปี 2565 นั้น ล่าสุดเหลือการติดลบเพียง -372 ล้านบาท เนื่องจากนับตั้งแต่เดือน ส.ค. 2567 คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) มีมติยกเลิกการนำเงินกองทุนฯ ไปชดเชยราคาดีเซล และเรียกเก็บเงินจากผู้ใช้น้ำมันทุกชนิดส่งเข้ากองทุนฯ แทน จนทำให้บัญชีน้ำมันเริ่มทยอยมีเงินไหลเข้า   

โดยสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) ได้รายงานสถานะเงินกองทุนฯ ล่าสุด ณ วันที่ 11 พ.ค. 2568 พบว่า บัญชีน้ำมันเหลือการติดลบเพียงแค่ -372 ล้านบาท ( จากที่เคยติดลบสูงสุด 27 พ.ย. 2565 ถึง -88,788 ล้านบาท) ส่วนบัญชี LPG ยังคงติดลบระดับใกล้เคียงกับหลายปีที่ผ่านมารวม -45,112 ล้านบาท ส่งผลให้ภาพรวมกองทุนฯ ติดลบรวม -45,484 ล้านบาท

- Advertisment -

ปัจจุบันทิศทางราคาน้ำมันโลกปรับตัวลดลง ส่งผลให้ที่ประชุม กบน. ณ วันที่ 14 พ.ค. 2568 มีมติปรับลดการเรียกเก็บเงินผู้ใช้น้ำมันเพื่อส่งเข้ากองทุนฯ ลงประมาณ 60-70 สตางค์ต่อลิตร ทำให้อัตราเรียกเก็บเงินเข้ากองทุนฯ รอบใหม่เปลี่ยนแปลงดังนี้ เบนซินออกเทน 95 ถูกเรียกเก็บ 9.80 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 เก็บ 1.80 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 เก็บ 3.60 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 และ 91 เก็บ 3 บาทต่อลิตร ส่วนกลุ่มดีเซลและดีเซล B20 เรียกเก็บ 2.40 บาทต่อลิตร และดีเซลเกรดพรีเมียมเรียกเก็บ 3.90 บาทต่อลิตร     

ดังนั้นส่งผลให้กองทุนฯ มีเงินไหลเข้ารวม 307 ล้านบาทต่อวัน (9,210 ล้านบาทต่อเดือน) ซึ่งมาจากการเรียกเก็บเงินจากผู้ใช้น้ำมันกลุ่มเบนซินรวม 102 ล้านบาทต่อวัน (3,060 ล้านบาทต่อเดือน) และมาจากผู้ใช้ดีเซล 184 ล้านบาทต่อวัน (5,520 ล้านบาทต่อเดือน) รวมทั้งมาจากโรงแยกก๊าซฯ 21 ล้านบาทต่อวัน (630 ล้านบาทต่อเดือน)

สำหรับกองทุนฯ ที่ภาพรวมยังติดลบอยู่ -45,112 ล้านบาท หากมีรายรับเดือนละ 9,210 ล้านบาท ก็มีแนวโน้มว่ากองทุนฯ จะหยุดการติดลบลงได้ภายใน 5 เดือนจากนี้ หรือประมาณเดือน ต.ค. 2568 นี้ ขณะที่บัญชีน้ำมันที่ปัจจุบันติดลบรวม -372 ล้านบาท มีแนวโน้มจะกลับมาเป็นบวกได้ประมาณ 2 เดือนจากนี้ หรือในเดือน ก.ค. 2568 เนื่องจากน้ำมันมีรายรับเข้ามารวม 286 ล้านบาทต่อวัน (จากผู้ใช้ดีเซล 184 ล้านบาทต่อวัน และผู้ใช้เบนซิน 102 ล้านบาทต่อวัน)

ทั้งนี้ในส่วนของสถานการณ์ราคาน้ำมันโลกล่าสุด ณ วันที่ 15 พ.ค. 2568 เวลาประมาณ 15.00 น. ราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ระดับ 65.45 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ราคาเพิ่มขึ้น 1.06 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) อยู่ที่ 61.09 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ลดลง 2.08 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล  และราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) อยู่ที่ 64.05 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ลดลง 2.04 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล

ส่วนค่าการตลาดน้ำมันที่ผู้ค้าน้ำมันเรียกเก็บจากประชาชน ซึ่งรายงานโดยสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ณ วันที่ 15 พ.ค. 2568 เปลี่ยนแปลงดังนี้ ค่าการตลาดกลุ่มเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ยังคงทรงตัวระดับสูง โดยน้ำมันเบนซินออกเทน 95 ถูกเรียกเก็บค่าการตลาด 3.47 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 มีค่าการตลาดที่ 3.29 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 3.36 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 อยู่ที่ 3.35 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 อยู่ที่ 3.62 บาทต่อลิตร, ดีเซล อยู่ที่ 1.64 บาทต่อลิตร  โดยเฉลี่ยค่าการตลาดระหว่าง 1-15 พ.ค. 2568 อยู่ที่ 2.46 บาทต่อลิตร (จากค่าการตลาดที่เหมาะสมที่ 1.5-2 บาทต่อลิตร)

Advertisment