ในยุคที่โลกเร่งก้าวสู่พลังงานสะอาด ทุกวาทกรรม Net Zero ย่อมมีความหมายทางนโยบายอย่างลึกซึ้ง และสำหรับประเทศไทย หนึ่งในจุดเปลี่ยนสำคัญของการเดินทางนี้ กำลังปรากฏผ่านร่างหลักเกณฑ์การอนุญาตให้ผลิตไฟฟ้าใช้เอง หรือที่เรียกว่า Independent Power Supply (IPS) เมื่อพลังงานสะอาด ไม่ใช่แค่เรื่องของรัฐ กระแสการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานไม่ได้เกิดขึ้นในห้องทดลอง หรือบนเวทีนานาชาติเท่านั้น หากแต่กำลังก่อตัวขึ้นในระดับครัวเรือน โรงงาน และฟาร์มโซลาร์เซลล์ทั่วประเทศ
การติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าใช้เองกลายเป็น “ความหวัง” ที่จะลดค่าใช้จ่าย และสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้กับภาคธุรกิจและชุมชนแต่ปรากฏการณ์ดังกล่าว ไม่ได้เกิดขึ้นใน “สุญญากาศทางนโยบาย” และนี่คือเหตุผลที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) กำลังขยับบทบาทสู่ “ผู้กำกับยุคเปลี่ยนผ่าน” ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างยกร่าง “หลักเกณฑ์ IPS” เพื่อสร้างแนวทางให้ภาคเอกชนสามารถผลิตไฟฟ้าใช้เองได้โดยไม่กระทบระบบจำหน่ายของรัฐ และต้องคำนึงถึงความปลอดภัยสาธารณะแต่ในความพยายามที่จะรักษาความเป็นธรรมระหว่างผู้เล่นในระบบดั้งเดิมกับผู้ผลิตหน้าใหม่ บางรายละเอียดในร่างกลับกลายเป็น “จุดสะดุด” เช่น การห้ามวางระบบไฟฟ้าผ่านทางสาธารณะ หรือที่ดินของผู้อื่น แม้ในกรณีที่ผลิตเพื่อนำไปใช้ภายในกิจการตนเอง เสียงสะท้อนจากภาคธุรกิจจึงดังชัดว่า พื้นที่ไม่พอ จะติดแผงโซลาร์เซลล์ ต้องซื้อที่ติดกัน แต่ห้ามเดินสายผ่านทางสาธารณะ กลายเป็นว่าทำไม่ได้ ทั้งที่ลงทุนเองใช้เอง
ในระยะเวลาเพียง 15 วันของการรับฟังความคิดเห็นออนไลน์ กกพ. ได้รับข้อเสนอแนะจากประชาชนกว่า 440 ราย รวมถึงภาคธุรกิจพลังงานหมุนเวียน และนักวิชาการชั้นนำ ได้ผลสรุปอย่างไม่ต้องตีความว่า กว่า 99% ไม่เห็นด้วยกับร่างหลักเกณฑ์รับฟังความคิดเห็น โดยเสนอให้เปลี่ยนจากการควบคุมตามพื้นที่ มาเป็นการควบคุมด้วยมาตรฐานทางเทคนิค เช่น ระบบความปลอดภัยของสายไฟฟ้า และการขออนุญาตใช้ทางอย่างถูกต้องจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง น่าสังเกตว่า กกพ. ไม่ได้เดินหน้าแบบฝืนเสียงส่วนรวม กลับกัน องค์กรได้เปิดให้มีกระบวนการมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ และประกาศชัดเจนว่าจะ “นำข้อคิดเห็นทั้งหมดไปปรับปรุงก่อนเสนอเข้าสู่คณะอนุกรรมการพัฒนากฎหมาย” เพื่อให้แนวทาง IPS สะท้อนดุลยภาพระหว่าง สิทธิเสรีภาพประชาชน ความมั่นคงระบบไฟฟ้า และนโยบายพลังงาน
หากปลายทางของไทยคือ Carbon Neutrality และหาก “พลังงานสะอาด” คือรากฐานใหม่ของความมั่นคงทางเศรษฐกิจคำถามสำคัญจึงไม่ใช่แค่ “จะอนุญาตให้วางสายไฟผ่านลำรางหรือไม่” แต่คือ รัฐพร้อมเปิดพื้นที่ให้ผู้ประกอบการเป็นเจ้าของพลังงานได้มากแค่ไหน และในคำถามนั้น “กกพ.” กำลังแสดงบทบาทของผู้ควบคุม ที่ไม่เพียงถือไม้บรรทัด…แต่ยังรับฟังเสียงจากสนามจริงด้วย