กกพ. กำหนดเกณฑ์ “ผู้ผลิตไฟฟ้าใช้เอง” ที่สามารถดำเนินการได้ พร้อมเปิดรับฟังความเห็นถึง 10 มิ.ย. 2568

318
- Advertisment-

คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดรับฟังความเห็น “หลักเกณฑ์การอนุญาตสำหรับผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนที่มีวัตถุประสงค์ผลิตไฟฟ้าเพื่อใช้เอง หรือจ้างผู้อื่นผลิตไฟฟ้าเพื่อใช้ในกิจการตนเอง (IPS)” ระหว่างวันที่ 26 พ.ค.-10 มิ.ย. 2568 ทางเว็บไซต์ของสำนักงาน กกพ. เบื้องต้นกำหนดให้ผู้ผลิตไฟฟ้าใช้เองต้องผลิตในพื้นที่ตัวเองเท่านั้น หรือให้ผู้อื่นผลิตไฟฟ้าให้แต่ต้องอยู่ในพื้นที่ของตัวเอง ยกเว้นโครงการในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม เขตประกอบการอุตสาหกรรม และสวนอุตสาหกรรม พร้อมกำหนดห้ามรูปแบบการซื้อมาขายไป, การขายไฟฟ้าต่อให้เอกชนอื่น, การซื้อขายไฟฟ้าแบบ Peer-to-Peer Energy Trading และกรณีลูกค้าผู้ใช้ไฟฟ้าขายไฟฟ้าคืนให้แก่ผู้ผลิตไฟฟ้า ซึ่งยังไม่อนุญาตให้ดำเนินการ  

ผู้สื่อข่าวศูนย์ข่าวพลังงาน ( Energy News Center – ENC ) รายงานว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ได้เปิดรับฟังความเห็น “หลักเกณฑ์การอนุญาตสำหรับผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนที่มีวัตถุประสงค์ผลิตไฟฟ้าเพื่อใช้เองและหรือจ้างผู้อื่นผลิตไฟฟ้าเพื่อใช้ในกิจการตนเอง (IPS)” ระหว่างวันที่ 26 พ.ค.-10 มิ.ย. 2568 ทางเว็บไซต์ของสำนักงาน กกพ.

โดยสาระสำคัญของประกาศดังกล่าวระบุว่า ปัจจุบันผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนที่ไม่จำหน่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบโครงข่ายไฟฟ้าของการไฟฟ้านั้น มีหลากหลายรูปแบบมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมายังไม่มีการประกาศหลักเกณฑ์การอนุญาตอย่างชัดเจน ดังนั้นคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ได้ประชุมเมื่อวันที่ 24 พ.ค. 2568 และได้พิจารณากำหนดหลักเกณฑ์การอนุญาตสำหรับผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนกลุ่มดังกล่าวให้สามารถดำเนินการผลิตไฟฟ้าเพื่อใช้เองได้ ทั้งการผลิตด้วยตนเอง หรือ ให้ผู้อื่นผลิตให้เพื่อใช้ในกิจการตัวเอง (Self-use)

- Advertisment -

โดยจะต้องไม่ส่งผลกระทบต่อระบบโครงข่ายไฟฟ้าที่มีอยู่เดิมของการไฟฟ้า และไม่กระทบต่อการใช้พื้นที่สาธารณประโยชน์ของประชาชนที่มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งแตกต่างจากโครงการที่ผ่านการรับซื้อไฟฟ้าที่มีวัตถุประสงค์เพื่อจำหน่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบโครงข่ายไฟฟ้าของการไฟฟ้า ซึ่งถือเป็นสาธารณูปโภคของประเทศ

ดังนั้นจึงเห็นชอบกำหนดรูปแบบกิจการผลิตไฟฟ้าที่สามารถดำเนินการได้ โดยแบ่งเป็น 2 รูปแบบ คือ โครงการที่อยู่นอกพื้นที่เฉพาะ และโครงการที่อยู่ในพื้นที่เฉพาะ ได้แก่ การนิคมอุตสาหกรรม, เขตประกอบการอุตสาหกรรมและสวนอุตสาหกรรม

โดยโครงการที่อยู่นอกพื้นที่เฉพาะ แบ่งได้ 3 รูปแบบ คือ 1.ผลิตไฟฟ้าด้วยตัวเอง (นิติบุคคลเดียว)  โดยต้องอยู่ในพื้นที่ของผู้ใช้ไฟฟ้า (พื้นที่ที่ผู้ใช้ไฟฟ้ามีกรรมสิทธิ์) และไม่ผ่านพื้นที่สาธารณประโยชน์และพื้นที่เอกชนอื่น จึงจะสามารถดำเนินการได้

2.ให้ผู้อื่นผลิตไฟฟ้าให้เพื่อใช้ในกิจการของตัวเอง (สองนิติบุคคล) โดยต้องอยู่ในพื้นที่ของผู้ใช้ไฟฟ้าและผู้ใช้ไฟฟ้าต้องยินยอมให้ผู้ผลิตไฟฟ้าเข้าใช้ประโยชน์ในการประกอบกิจการผลิตไฟฟ้าบนพื้นที่ของผู้ใช้ไฟฟ้า รวมถึงต้องไม่ผ่านพื้นที่สาธารณประโยชน์และพื้นที่เอกชนอื่น จึงจะสามารถดำเนินการได้

และ 3. รูปแบบโครงการที่นอกเหนือจากข้อ 1 และ 2 ดังกล่าว ซึ่งมีการผ่านพื้นที่สาธารณประโยชน์หรือพื้นที่เอกชนอื่น หรืออยู่นอกพื้นที่ผู้ใช้ไฟฟ้าบางส่วน/ทั้งหมด หรือมีการผลิตไฟฟ้าให้แก่ 2 นิติบุคคลขึ้นไปนั้น จะยังไม่สามารถดำเนินการได้

ส่วนโครงการที่อยู่ในพื้นที่เฉพาะ (การนิคมอุตสาหกรรม, เขตประกอบการอุตสาหกรรมและสวนอุตสาหกรรม) สามารถดำเนินการได้ ทั้งรูปแบบตามข้อ 1-3 โดยผู้ผลิตไฟฟ้าต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมายและมาตรฐานความปลอดภัยที่เกี่ยวข้อง

สำหรับโครงการที่อยู่ในพื้นที่เฉพาะบางส่วน เช่น โรงไฟฟ้าอยู่นอกพื้นที่นิคมฯ และมีระบบจำหน่ายไฟฟ้าออกนอกนิคมฯ เพื่อจำหน่ายให้แก่ผู้ใช้ไฟฟ้าที่อยู่ในนิคมฯ เป็นต้น สามารถดำเนินการได้ตามรูปแบบโครงการนอกพื้นที่เฉพาะตามข้อ 1-2

ทั้งนี้การดำเนินโครงการในรูปแบบอื่นๆ นอกเหนือจากหลักเกณฑ์การอนุญาตดังกล่าวข้างต้น เช่น การซื้อมาขายไป หรือการนำไฟฟ้าไปจำหน่ายต่อให้แก่เอกชนอื่น ,การซื้อขายไฟฟ้าแบบ Peer-to-Peer Energy Trading หรือ กรณีลูกค้าผู้ใช้ไฟฟ้าขายไฟฟ้าคืนให้แก่ผู้ผลิตไฟฟ้า เป็นต้น ยังไม่อนุญาตให้ดำเนินการเป็นการทั่วไป    

Advertisment