คณะกรรมการสรรหาตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เตรียมประกาศรายชื่อผู้ได้รับตำแหน่ง “ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (ผอ.สกนช.)” คนใหม่ ในสัปดาห์หน้า หลังบัญชีน้ำมัน ของกองทุนน้ำมันฯ พลิกกลับมาเป็นบวกครั้งแรกในรอบ 3 ปี คาดปลายปี 2568 ภาพรวมกองทุนฯ จะกลับมาเป็นบวกทั้งหมด จากปัจจุบันกองทุนฯ ติดลบรวม -44,266 ล้านบาท โดยมีเงินไหลเข้าเดือนละ 7,957 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวศูนย์ข่าวพลังงาน (Energy News Center – ENC) รายงานว่า คณะกรรมการสรรหาตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เตรียมประกาศรายชื่อผู้ได้รับตำแหน่ง “ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (ผอ.สกนช.)” คนใหม่ ในสัปดาห์หน้า จากผู้สมัคร 2 คนที่ผ่านคุณสมบัติได้เข้ารับการคัดเลือกและแสดงวิสัยทัศน์ไปเมื่อวันที่ 8 พ.ค. 2568 ที่ผ่านมา คือ 1. พลโท ดร.กฤตภาส คงคาพิสุทธ์ อดีตรองเจ้ากรมการพลังงานทหาร และ 2. นายสมบูรณ์ หน่อแก้ว อดีตรองปลัดกระทรวงพลังงาน
อย่างไรก็ตามถือเป็นจังหวะที่ดีสำหรับ ผอ.สกนช. คนใหม่ที่จะเข้ามาบริหารงาน เนื่องจากกองทุนน้ำมันฯ เริ่มมีสภาพคล่องดีขึ้น โดยกองทุนน้ำมันฯ แบ่งออกเป็น 2 บัญชี คือ บัญชีน้ำมันและ บัญชีก๊าซหุงต้ม (LPG) ซึ่งล่าสุดบัญชีน้ำมันเพิ่งกลับมาเป็นบวกได้ครั้งแรกในรอบ 3 ปีกว่า นับตั้งแต่กองทุนฯ ติดลบสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 1.3 แสนล้านบาท ไปเมื่อปี 2565
โดยสถานะเงินกองทุนน้ำมันฯ ล่าสุด ณ วันที่ 18 พ.ค. 2568 ภาพรวมยังติดลบอยู่ที่ -44,266 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมันมีเงินรวม 773 ล้านบาท (เป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี ที่บัญชีกลับมาเป็นบวกได้ ) ส่วนบัญชี LPG ติดลบรวม -45,039 ล้านบาท
ทั้งนี้กองทุนฯ ยังมีเงินไหลเข้าจากการเรียกเก็บเงินจากผู้ใช้น้ำมันทุกชนิดส่งเข้ากองทุนฯ รวม 257 ล้านบาทต่อวัน (คิดเป็น 7,957 ล้านบาทต่อเดือน) และมีเงินไหลเข้าจากโรงแยกก๊าซ 21 ล้านบาทต่อวัน (คิดเป็น 657 ล้านบาทต่อเดือน)
ดังนั้นคาดการณ์ว่าภาพรวมกองทุนฯ จะกลับมาเป็นบวกได้ประมาณเดือน ต.ค.-พ.ย. 2568 นี้ อย่างไรก็ตามแม้กองทุนฯ จะกลับมาเป็นบวกได้ แต่ก็ยังต้องเร่งชำระหนี้ 105,333 ล้านบาท ที่กู้มาจากสถาบันการเงิน ซึ่งปัจจุบันยังเหลือหนี้ที่ต้องใช้คืนอีก 80,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามปัจจุบันคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ยังคงบริหารเงินโดยมองในหลากหลายมิติเพื่อรักษาสมดุลทางการเงินและเสถียรภาพราคาน้ำมันในประเทศ ดังนั้นเมื่อเก็บเงินเข้ากองทุนฯ ได้มากขึ้นก็จะเร่งใช้คืนหนี้เงินกู้ พร้อมกับทบทวนลดอัตราการเก็บเงินจากผู้ใช้น้ำมันแต่ละชนิดลง ซึ่งการเก็บเงินเข้ากองทุนฯ ในอนาคตจะเก็บเข้าสูงสุดได้ไม่เกิน 40,000 ล้านบาท ตามกฎหมาย โดยหากเก็บได้ถึงระดับ 30,000 ล้านบาทแล้วจะทยอยลดการเก็บเงินผู้ใช้น้ำมันให้เหลือต่ำสุดเพื่อไม่ให้เงินในกองทุนฯ มีเกิน 40,000 ล้านบาท
สำหรับในส่วนของบัญชี LPG ที่ปัจจุบันยังติดลบอยู่ -45,039 ล้านบาทนั้น ปัจจุบันหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังหารือแนวทางช่วยลดภาระกองทุนฯ ลง ซึ่งการใช้เงินบัญชี LPG ยังกำหนดกรอบให้ใช้ชดเชยราคาได้ไม่เกิน 50,000 ล้านบาท
ดังนั้น ผอ.สกนช. คนใหม่ จะเข้ามาบริหารงานในช่วงที่กองทุนน้ำมันฯ เริ่มมีเงินไหลเข้าและบัญชีน้ำมันเริ่มเป็นบวกหลังจากติดลบมากว่า 3 ปี เนื่องจากการนำเงินไปช่วยพยุงราคาดีเซลให้ประชาชน รวมทั้งภาพรวมกองทุนฯ มีโอกาสกลับมาเป็นบวกเช่นกันในช่วงปลายปี 2568 นี้ ทำให้ ผอ.สกนช.คนใหม่อาจเข้ามาบริหารเงินกองทุนฯ ที่กลับมาเป็นบวกได้แล้ว
