กพช. เห็นชอบโครงสร้างใหม่ราคาก๊าซฯ แยกกลุ่มไฟฟ้า NGV อุตสาหกรรมใช้ก๊าซฯ ราคาถูกกว่า

390
- Advertisment-

คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เห็นชอบแยกหลักเกณฑ์โครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติใหม่ กำหนดราคาก๊าซธรรมชาติที่เข้าและออกจากโรงแยกก๊าซ รวมถึงก๊าซ LPG ใช้ต้นทุนเดียวกับราคาเฉลี่ยก๊าซฯ อ่าวไทย ขณะที่ก๊าซฯ สำหรับผลิตไฟฟ้า, NGV และภาคอุตสาหกรรม จะใช้ราคา Pool Price ซึ่งถูกกว่า มีผล 1 ม.ค. 2569  

 นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานแทนนายกรัฐมนตรี ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม กพช. เห็นชอบหลักเกณฑ์การกำหนดโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติใหม่ โดยให้ราคาสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง เพื่อสร้างความเป็นธรรมต่อผู้ใช้ก๊าซธรรมชาติทุกภาคส่วน ส่งผลให้ราคาก๊าซธรรมชาติที่เข้าและออกจากโรงแยกก๊าซ รวมถึงก๊าซที่ใช้ผลิตก๊าซหุงต้ม (LPG) ใช้ต้นทุนเท่ากับราคาเฉลี่ยของก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย ขณะที่ก๊าซธรรมชาติสำหรับการผลิตไฟฟ้า ภาคขนส่ง (NGV) และภาคอุตสาหกรรม จะใช้ราคา Pool Price ซึ่งเป็นราคาเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของก๊าซจาก 3 แหล่ง ได้แก่ อ่าวไทย เมียนมา และก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) นำเข้า

โดยราคาก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทย ที่เข้าโรงแยกก๊าซจะมีราคาสูงกว่าราคาก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทยที่นำมาคำนวณใน Pool Price ร้อยละ 10 ซึ่งโรงแยกก๊าซธรรมชาติเป็นผู้รับภาระส่วนต่างราคา โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2569 เป็นต้นไป อย่างไรก็ตามได้เปิดโอกาสให้สามารถทบทวนโครงสร้างราคาได้ หากสถานการณ์ราคาก๊าซธรรมชาติเปลี่ยนแปลงหรือมีผลกระทบต่อการดำเนินงานของโรงแยกก๊าซธรรมชาติ

- Advertisment -

นอกจากนี้ยังเห็นชอบให้ บริษัท พีอี แอลเอ็นจี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และบริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จำกัด ดำเนินการติดตั้งอุปกรณ์ Topside หรืออุปกรณ์สูบถ่ายก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) จากเรือขนส่ง LNG เข้าสู่สถานี LNG ณ ท่าเทียบเรือที่ 2 ของสถานีแอลเอ็นจี มาบตาพุด แห่งที่ 2 จังหวัดระยอง วงเงินลงทุน 3,385 ล้านบาท ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปี 2571 พร้อมมอบหมายให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) พิจารณาการส่งผ่านภาระการลงทุนไปยังผู้ใช้พลังงานเฉพาะเท่าที่จำเป็น

ปัจจุบัน สถานี LNG แห่งที่ 2 มีอุปกรณ์ Topside ติดตั้งอยู่เฉพาะท่าเทียบเรือที่ 1 ขณะที่ท่าเทียบเรือที่ 2 เป็นท่าเรือเปล่าที่ก่อสร้างรองรับการติดตั้งไว้ตามแผนเดิม อย่างไรก็ตามตั้งแต่สถานีเปิดให้บริการในปี 2565 ปริมาณเรือ LNG ที่เข้ามาเทียบท่าที่ 1 สูงกว่าที่คาดการณ์ ส่งผลให้ต้องมีการซ่อมบำรุงใหญ่เร็วกว่ากำหนด กพช. จึงเห็นควรเร่งติดตั้งอุปกรณ์ Topside ที่ท่าเทียบเรือที่ 2 เพื่อรองรับการให้บริการในช่วงซ่อมบำรุงท่าเทียบเรือที่ 1 และเพื่อให้สถานีสามารถรักษาความต่อเนื่องของการรับเรือและจ่ายก๊าซธรรมชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังช่วยเสริมความมั่นคงของระบบพลังงานของประเทศในระยะยาวอีกด้วย

Advertisment