- Advertisment-

กกพ.หนุน Digitalization  เสริมบทบาทศูนย์พยากรณ์การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Forecast Center: REFC) ของ กฟผ. ให้มีความแม่นยำในการพยากรณ์ กำหนดหลักเกณฑ์ให้เอกชนร่วมมือในการนำส่งข้อมูล เพื่อแก้ปัญหาความผันผวนของพลังงานหมุนเวียน เดินหน้าสร้างความมั่นคงให้ระบบไฟฟ้าของประเทศ

จุดอ่อนของพลังงานหมุนเวียนทั้งพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม คือความผันผวน ไม่เสถียร ไม่สามารถผลิตและจ่ายกระแสไฟฟ้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง ดังนั้นการเพิ่มสัดส่วนไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนให้มากขึ้นตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ หรือ แผนพีดีพีฉบับใหม่ ที่กำลังอยู่ระหว่างการจัดทำ จึงอาจจะทำให้ใครหลายคนมีข้อกังวลใจ ว่าการมีพลังงานหมุนเวียนที่มากเกินไปอาจจะสร้างปัญหาความมั่นคงต่อไฟฟ้าของประเทศในอนาคตหรือไม่  ซึ่งบทความนี้จะช่วยคลายปมข้อกังวลดังกล่าว เพราะหน่วยงานที่มีบทบาทในการกำกับดูแลกิจการไฟฟ้า คือ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือ กกพ. นั้น เล็งเห็นถึงความสำคัญของเรื่องนี้เป็นอย่างดี จึงสนับสนุนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านไฟฟ้านำเทคโนโลยีดิจิทัลและข้อมูลดิจิทัลมาปรับปรุงวิธีการทำงานในองค์กร หรือที่เรียกว่า Digitalization เพื่อมาช่วยแก้ไขปัญหาความผันผวนในระบบไฟฟ้าที่เกิดจากพลังงานหมุนเวียน และช่วยให้ประเทศเดินหน้าปรับลดคาร์บอนได้ตามเป้าหมายที่ประกาศเจตนารมณ์ไว้ต่อประชาคมโลก

- Advertisment -

โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้นำ Digitalization และ AI มาใช้เพื่อแก้ปัญหาความผันผวนของพลังงานหมุนเวียนต่อระบบโครงข่ายไฟฟ้าในศูนย์พยากรณ์การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Forecast Center: REFC) เพื่อให้ทันต่อการรองรับไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่คาดว่าจะมีการเพิ่มเข้ามามากขึ้นในอนาคต

คุณสมฤดี ทิพย์มาบุตร ผู้อำนวยการฝ่ายเทคโนโลยีระบบกำลังไฟฟ้ารูปแบบใหม่  กฟผ.

คุณสมฤดี ทิพย์มาบุตร ผู้อำนวยการฝ่ายเทคโนโลยีระบบกำลังไฟฟ้ารูปแบบใหม่ กฟผ. ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำงานของ REFC ว่า ศูนย์ฯ ได้มีการใช้ AI นำข้อมูลในอดีตของการผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าต่าง ๆ ร่วมกับข้อมูลการพยากรณ์อากาศ ณ ช่วงเวลานั้น ๆ มาหามิติสัมพันธ์กัน เพื่อจะได้รู้ว่าไฟฟ้าที่มาจากพลังงานหมุนเวียนจะผลิตได้เท่าไหร่และควรจะเตรียมกำลังผลิตไฟฟ้าอย่างไร ซึ่งจะมีจอภาพแสดงให้เห็นเส้นกราฟพยากรณ์ล่วงหน้าประมาณ 10 วัน เส้นที่พยากรณ์ล่วงหน้าภายใน 6 ชั่วโมง และเส้นที่เป็นค่าที่เกิดขึ้นจริง โดยข้อมูลที่พยากรณ์ได้ ทางศูนย์ควบคุมระบบกำลังไฟฟ้าแห่งชาติ (National Control Center : NCC) จะนำไปใช้วางแผนการผลิตไฟฟ้าร่วมกับโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงประเภทอื่น เป็นการรองรับความผันผวนและความไม่แน่นอนของปริมาณไฟฟ้าที่ผลิตได้จากพลังงานหมุนเวียน

“การก้าวสู่ Energy Transition ได้อย่างสมบูรณ์เราต้องผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด ไม่ว่าจะเป็นลมหรือแสงอาทิตย์ ที่ล้วนแต่มีความไม่แน่นอนสูงมาก การพยากรณ์จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เราก้าวไปสู่การใช้พลังงานสะอาดอย่างเต็มรูปแบบได้ ศูนย์นี้จึงเป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญ” คุณสมฤดี เน้นถึงความสำคัญของ REFC

ก่อนหน้านี้ ดร.พูลพัฒน์ ลีสมบัติไพบูลย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน พร้อมคณะได้เข้าเยี่ยมชมการทำงานของ REFC  และเห็นว่าระบบโครงข่ายไฟฟ้า กำลังเผชิญความท้าทายมากยิ่งขึ้นจากการเปลี่ยนผ่านจากเชื้อเพลิงฟอสซิลสู่พลังงานหมุนเวียน  ดังนั้นเพื่อให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้มีส่วนร่วมกับ REFC ในการดูแลความมั่นคงระบบไฟฟ้าของประเทศ ไม่ให้เกิดกรณีไฟฟ้าตก หรือไฟดับ (Black out) จากความผันผวนของพลังงานหมุนเวียน จนสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจของประเทศ  ทาง กกพ.จึงได้มีการกำหนดมาตรฐานการเชื่อมต่อ (Grid Code) และวางกฎเกณฑ์ให้ผู้ผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนต้องส่งข้อมูล Forecast ของตัวเองเข้าสู่ศูนย์กลาง เพื่อให้ REFC  มีข้อมูลที่จะช่วยให้การพยากรณ์มีความแม่นยำมากขึ้นรวมถึงการกำหนดเงื่อนไขข้อบังคับให้ผู้ประกอบการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนรายใหม่ต้องเข้าร่วมระบบของ REFC  ในการขายไฟฟ้าสีเขียวเข้าสู่ระบบผ่านกลไกการจัดซื้อไฟฟ้า (PPA, Feed-in Tariff, Utility Green Tariff) ซึ่งถือเป็นการสร้างแรงจูงใจทางการตลาดให้กับผู้ประกอบการด้วย  

จะเห็นว่า จุดอ่อนของพลังงานหมุนเวียนที่ไม่มีความเสถียร จะไม่ใช่ปัญหาใหญ่ที่ต้องกังวลใจอีกต่อไป หากต้องมีการเพิ่มสัดส่วนให้มากขึ้นตามแผน ด้วยบทบาทที่ กกพ. ได้วางหลักเกณฑ์สนับสนุนการทำงานของ REFC  ให้มีความคล่องตัว และมีข้อมูลดิจิทัลจากผู้ประกอบการเอกชนมาช่วยให้การพยากรณ์ล่วงหน้าทำได้อย่างแม่นยำ เพื่อให้ศูนย์ควบคุมระบบกำลังไฟฟ้าแห่งชาติ หรือ NCC สามารถวางแผนการสั่งเดินเครื่องโรงไฟฟ้าเพื่อสร้างความมั่นคงให้ระบบทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ และที่สำคัญคือช่วยเปลี่ยนผ่านประเทศไทยจากสังคมที่พึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลที่ปล่อยคาร์บอนเป็นหลักให้ไปสู่สังคมที่ส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดที่ไม่ปล่อยคาร์บอนได้จริงตามเป้าหมาย

Advertisment