หน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) รายงานสถานการณ์ตลาดน้ำมัน ประจำสัปดาห์วันที่ 18-22 ส.ค. 68 และแนวโน้มในสัปดาห์วันที่ 25-29 ส.ค. 68 โดยระบุว่าราคาน้ำมันดิบได้รับแรงกดดันจากอุปทานน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก โดย EIA คาดการณ์ว่าสหรัฐฯ จะผลิตน้ำมันดิบสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2568 เพิ่มขึ้น 0.2 ล้านบาร์เรลต่อวันจากปีก่อนหน้า อยู่ที่ 13.41 ล้านบาร์เรลต่อวัน

ด้านสถานการณ์โลกที่ส่งผลต่อราคาน้ำมัน เมื่อวันที่ 15 ส.ค. 68 ประธานาธิบดี Donald Trump แห่งสหรัฐฯ และประธานาธิบดี Vladimir Putin แห่งรัสเซียได้ออกแถลงการณ์ร่วม หลังการประชุมสุดยอดที่รัฐ Alaska ในสหรัฐอเมริกา โดยระบุว่าการเจรจามีความคืบหน้าและเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ แต่การประชุมกลับจบลงโดยไม่มีข้อตกลงยุติสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน และไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดการเจรจาใดๆ ทั้งนี้ ประธานาธิบดี Putin ได้เชิญประธานาธิบดี Trump ให้ไปหารือกันครั้งต่อไปที่กรุง Moscow ในรัสเซีย
นอกจากนั้น สหรัฐฯ ยังเลื่อนการบังคับใช้มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ต่อจีนออกไป 90 วัน เป็นวันที่ 10 พ.ย. 68 จากเดิมที่มีกำหนดเริ่มต้นวันที่ 12 ส.ค. 68 จีนจึงเลื่อนมาตรการตอบโต้เช่นกัน และเปิดทางเพื่อการเจรจาทางการค้าต่อไป
ขณะที่เมื่อวันที่ 12 ส.ค. 68 บริษัท Chevron ได้เริ่มส่งออกน้ำมันดิบจากเวเนซุเอลาเป็นครั้งแรกตั้งแต่วันที่ 27 พ.ค. 68 หลังได้รับใบอนุญาตจากสหรัฐฯ อีกครั้ง โดยเรือ Canopus Voyager (ขนาด Aframax : 850,000 บาร์เรล) สูบถ่ายน้ำมันดิบประมาณ 500,000 บาร์เรล และมีแผนส่งมอบน้ำมันดิบเพิ่มเติมอีก 2 เที่ยวเรือในวันที่ 18-20 และ 28-30 ส.ค. 68 ทั้งนี้ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ นาย Donald Trump เคยประกาศเพิกถอนใบอนุญาตการส่งออกน้ำมันดิบจากเวเนซุเอลา โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 27 พ.ค. 68 เพื่อกดดันรัฐบาลแห่งเวเนซุเอลาของประธานาธิบดี นาย Nicolás Maduro แต่ภายหลังได้กลับมาอนุญาตในวันที่ 31 ก.ค. 68 อีกครั้ง