วานนี้ (25 ตุลาคม 2568) นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ตรวจเยี่ยมดูพื้นที่ติดตั้งโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนทุ่นลอยน้ำร่วมกับโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ ชุดที่ 1 ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ณ เขื่อนศรีนครินทร์ จ.กาญจนบุรี พร้อมด้วย ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงาน นางพรรณวิภา ปิยัมปุตระ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี นายนรินทร์ เผ่าวณิช รองผู้ว่าการประจำสำนักผู้ว่าการ รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการ กฟผ. โดยโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนทุ่นลอยน้ำ (Floating Solar) ภายใต้นโยบาย Quick Big Win ของรัฐบาลอยู่ในพื้นที่เขื่อนของ กฟผ. 3 แห่ง ได้แก่ เขื่อนภูมิพล จ.ตาก เขื่อนศรีนครินทร์ และเขื่อนวชิราลงกรณ จ.กาญจนบุรี กำลังผลิตรวม 1,638 เมกะวัตต์ เพื่อตอบโจทย์เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero ในปี 2050 ของประเทศไทย โดยจะสามารถลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์รวม 20.56 ล้านตัน ตลอดระยะเวลา 25 ปี ซึ่งขณะนี้ระยะที่ 1 ทั้ง 3 โครงการอยู่ระหว่างนำเสนอ ครม. อนุมัติโครงการ

สำหรับโครงการของเขื่อนศรีนครินทร์ที่รัฐมนตรีพลังงานลงพื้นที่ในครั้งนี้มีแผนการดำเนินงาน 4 ระยะ กำลังผลิตรวม 770 เมกะวัตต์ โดยระยะที่ 1 มีกำลังผลิต 140 เมกะวัตต์ ครอบคลุมพื้นที่ผิวน้ำประมาณ 1,020 ไร่ หรือคิดเป็นเพียง 0.55% ของพื้นที่ผิวน้ำทั้งหมด จึงไม่กระทบต่อพื้นที่การเกษตรหรือพื้นที่ป่าไม้ กำหนดจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ในปี 2570 ส่วนระยะที่ 2 กำลังผลิต 50 เมกะวัตต์ ระยะที่ 3 กำลังผลิต 280 เมกะวัตต์ และระยะที่ 4 กำลังผลิต 300 เมกะวัตต์ โดยแผงโซลาร์เซลล์ที่ใช้ในโครงการดังกล่าวจะเป็นชนิดดับเบิลกลาส (Double Glass Monocrystalline Silicon PV) ที่มีคุณสมบัติเป็นกระจกทั้งสองด้าน ช่วยป้องกันความชื้นซึมเข้าสู่แผง และป้องกันสิ่งปนเปื้อนตกลงสู่แหล่งน้ำ มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ส่วนทุ่นลอยน้ำเป็นทุ่นพลาสติกจากวัสดุ HDPE (High Density Polyethylene) ซึ่งเป็นวัสดุอย่างเดียวกับท่อส่งน้ำประปา จึงปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อม



ในขณะที่โครงการ อีก 2 เขื่อนหลักของ กฟผ. ประกอบด้วย เขื่อนภูมิพล กำลังผลิต 778 เมกะวัตต์ แบ่งเป็น ระยะที่ 1 กำลังผลิต 158 เมกะวัตต์ ระยะที่ 2 กำลังผลิต 300 เมกะวัตต์ และระยะที่ 3 กำลังผลิต 320 เมกะวัตต์ และเขื่อนวชิราลงกรณ กำลังผลิต 90 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นระยะที่ 1 กำลังผลิต 50 เมกะวัตต์ และระยะที่ 2 กำลังผลิต 40 เมกะวัตต์
นอกเหนือจากโครงการ Floating Solar แล้ว ศักยภาพของเขื่อนศรีนครินทร์ยังมีโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับ กำลังผลิต 360 เมกะวัตต์ ที่เป็นทั้งแหล่งผลิตและกักเก็บพลังงานไฟฟ้า ซึ่งเปรียบเสมือนแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่ช่วยจัดการความผันผวนในระบบไฟฟ้าจากการเพิ่มขึ้นของพลังงานหมุนเวียน สามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าได้อย่างรวดเร็วภายในเวลา 5 นาที ซึ่ง กฟผ. มีแผนเดินหน้าพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับ โดยเตรียมเสนอบรรจุไว้ในแผน PDP ฉบับใหม่ จำนวน 3 แห่ง คือ เขื่อนจุฬาภรณ์ จ.ชัยภูมิ เขื่อนวชิราลงกรณ จ.กาญจนบุรี และเขื่อนกะทูน จ.นครศรีธรรมราช



ทั้งนี้ แผน PDP2018 rev. 1 กำหนดให้ กฟผ. เป็นผู้ดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนทุ่นลอยน้ำ (Floating Solar) กำลังผลิตรวม 2,725 เมกะวัตต์ ภายในปี 2573 ถือเป็นส่วนสำคัญในการเดินหน้าสู่เป้าหมาย Net Zero เป็นการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ด้วยการวางแผงโซลาร์เซลล์บนพื้นที่ผิวน้ำในเขื่อนของ กฟผ. และใช้อุปกรณ์หลักร่วมกับโรงไฟฟ้าพลังน้ำที่มีอยู่เดิม ช่วยลดต้นทุนการผลิต ทำให้ค่าไฟฟ้ามีราคาต้นทุนที่เหมาะสม เป็นมิตรต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังลดการพึ่งพาการนำเข้าเชื้อเพลิงจากต่างประเทศซึ่งมีราคาสูงและผันผวน ช่วยสร้างความมั่นคงให้ระบบพลังงานไฟฟ้าของประเทศ โดยมีผลสำเร็จของโครงการโซลาร์เซลล์ลอยน้ำเขื่อนสิรินธร จ.อุบลราชธานี และเขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น ที่ดำเนินการไปแล้วและเห็นผลสำเร็จตามเป้าหมาย จึงมีการขยายผลไปยังเขื่อนอื่น ๆ ของ กฟผ. ที่มีศักยภาพด้วย

–
–
















































