กกพ. หนุนโรงพยาบาลใช้พลังงานสะอาด พร้อมขยายผลในพื้นที่ห่างไกล ยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน

64
- Advertisment-

โรงพยาบาลเป็นหน่วยงานด้านสาธารณสุขที่ตอบโจทย์คุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน พื้นที่ไหนมีโรงพยาบาลตั้งอยู่ใกล้ๆ ก็อุ่นใจได้ว่าจะมีหมอช่วยดูแลรักษายามป่วยไข้ แต่การตั้งอยู่ของโรงพยาบาลจำเป็นต้องมีโครงสร้างพื้นฐานด้านไฟฟ้ารองรับ เพราะอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ใช้ในกระบวนการรักษานั้นส่วนใหญ่ล้วนเป็นอุปกรณ์ที่ต้องใช้ไฟฟ้ามาช่วยในการทำงาน ดังนั้นค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้าจึงกลายเป็นภาระที่หนักอึ้งของโรงพยาบาลแต่ละแห่ง

ในขณะที่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs) ขององค์การสหประชาชาติ เป้าหมายที่ 7 เป็นเรื่องพลังงานสะอาดที่ทุกคนเข้าถึงได้ (Affordable and Clean Energy) และเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 56 วรรคหนึ่งที่มีสาระสำคัญกำหนดให้รัฐต้องจัดหรือดำเนินการให้มีสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของประชาชนอย่างทั่วถึงตามหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืน 

ด้วยเหตุผลที่สอดคล้องกันข้างต้น ทางคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จึงอนุมัติจัดสรรเงินกองทุนพัฒนาไฟฟ้า ตามมาตรา 97(4) ภายใต้โครงการส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนแบบมุ่งเป้า เพื่อติดตั้งระบบผลิตพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ รวม 439 แห่ง งบประมาณรวม 2,537.45 ล้านบาท แก่หน่วยบริการด้านสาธารณสุขในหน่วยงานของรัฐ อย่างเช่น โรงพยาบาล ศูนย์อนามัย และหน่วยงานด้านการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ภายใต้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ อย่างเช่น สถานคุ้มครอง ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุ 

- Advertisment -

ซึ่งข้อมูลอัพเดทถึงเดือน กรกฎาคม 2568 มีการติดตั้งแล้วเสร็จ จำนวน 138 แห่ง กำลังการผลิตติดตั้งช่วงพีค รวม 20,038 กิโลวัตต์ ประมาณการว่าจะลดภาระค่าไฟฟ้าได้กว่า 110,185,541 บาทต่อปี 

นอกจากนี้ ทาง กกพ. ยังมีแผนที่จะขยายผลไปยังหน่วยบริการด้านสาธารณสุข ในพื้นที่อื่นๆ ที่เชื่อมต่อระบบโครงข่ายไฟฟ้า (On-grid) และพื้นที่ห่างไกลระบบส่งไฟฟ้า (Off- Grid) โดยจะมุ่งเน้นโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) เป็นกลุ่มเป้าหมายแรก

โรงพยาบาลศิริราช และคณะแพทยศาสตร์ วชิรพยาบาล ก็เป็นอีกหน่วยงานด้านสาธารณสุขที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาไฟฟ้า คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ในการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์

ผศ.นพ.ธีรวุฒิ ธรรมวิบูลย์ศรี รักษาการรองผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราช และ ผศ.นพ.จักราวุธ มณีฤทธิ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล บอกตรงกันว่า เครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัยจะใช้พลังงานไฟฟ้าสูง การใช้พลังงานสะอาดช่วยลดภาระค่าไฟฟ้าให้โรงพยาบาลได้ส่วนหนึ่ง

โรงพยาบาลศิริราช ในแต่ละเดือนแบกรับค่าไฟฟ้าสูงถึง 50 ล้านบาท หรือจ่ายค่าไฟฟ้ากว่า 600 ล้านบาทต่อปี เพราะเป็นโรงพยาบาลที่ต้องใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัย ซึ่งอุปกรณ์ทางการแพทย์บางอย่าง เช่นที่เกี่ยวกับการฉายแสงนั้นกินไฟเป็นอย่างมาก แต่เมื่อมีการติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์บนหลังคาของแต่ละอาคาร ที่คิดเป็นกำลังการผลิตประมาณ 910 กิโลวัตต์ ซึ่งถือว่าเต็มพิกัดที่ทางกฎหมายอนุญาตให้หน่วยงานติดตั้งได้ ก็ช่วยลดภาระค่าไฟฟ้าลงได้ ประมาณเดือนละ 5 แสนบาท หรือประมาณ 6 ล้านบาทต่อปี ซึ่งถือว่าตอบโจทย์เป็นอย่างมาก โดยภาระค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้าที่ลดลงนั้น ทางโรงพยาบาลศิริราช จะนำมาจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยต่อไป

ผศ.นพ.ธีรวุฒิ ธรรมวิบูลย์ศรี รักษาการรองผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราช

ผศ.นพ.ธีรวุฒิ ธรรมวิบูลย์ศรี รักษาการรองผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราช ให้ข้อมูลว่า โรงพยาบาลศิริราชมีนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาที่ยั่งยืน SDG มีความตั้งใจใช้พลังงานสะอาดอย่างระบบผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

คุณหมอธีรวุฒิบอกด้วยว่า นอกเหนือจากการประหยัดค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้า ก็คือการลดใช้ไฟฟ้าที่มาจากฟอสซิลได้ถึง 1.5 ล้านหน่วยต่อปี ถือเป็นส่วนหนึ่งที่ทางโรงพยาบาลช่วยลดปัญหาภาวะโลกร้อนได้อีกทางหนึ่ง 

ในขณะที่อีกโรงพยาบาลที่เป็นต้นแบบ ซึ่งได้รับการจัดสรรเงินสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาไฟฟ้าเช่นเดียวกัน คือ คณะแพทย์ศาสตร์ วชิรพยาบาล ได้มีการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าในอาคาร 3 แห่ง ประกอบด้วยอาคารทีปังกรรัศมีโชติ อาคารพัชรกิติยาภา และอาคารหอพักบุคลากร รวมจำนวนที่ติดตั้งทั้งหมด 710 กิโลวัตต์

ผศ. นพ.จักราวุธ มณีฤทธิ์ คณบดี คณะแพทยศาสตร์ วชิรพยาบาล

ผศ. นพ.จักราวุธ มณีฤทธิ์ คณบดี คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล ให้ข้อมูลว่า ทางวชิรพยาบาล ต้องจ่ายค่าไฟฟ้าเดือนละ 11 ล้านบาท ซึ่งเมื่อมีการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ครบ 710 กิโลวัตต์ สามารถช่วยลดค่าไฟได้เดือนละเกือบ ๆ 400,000 บาท

โดยความสำคัญของคณะแพทยศาสตร์ วชิรพยาบาลนั้นจะต้องดูแลรับผิดชอบโรงพยาบาลวชิรพยาบาล ซึ่งเป็นโรงพยาบาลตติยภูมิขั้นสูง ดูแลคนไข้ปีหนึ่งประมาณ 1 ล้านคน มีเตียงผู้ป่วยอยู่ที่ประมาณ 700 กว่าเตียง แต่ละปีมีภาระต้องจ่ายค่าไฟฟ้าอยู่ที่ประมาณ 130 ล้านบาทต่อปี หรือเดือนละ 11 ล้านบาท เพราะต้องดูแลคนไข้โรคยากซับซ้อนในห้อง ICU ซึ่งมีอุปกรณ์ทางการแพทย์ทันสมัยที่ใช้ไฟฟ้าจำนวนมาก หรือในห้องผ่าตัดก็เช่นเดียวกัน ดังนั้นการใช้ไฟฟ้าจึงมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นทุกปี การได้รับการสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาไฟฟ้าเพื่อให้โรงพยาบาลติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านค่าไฟได้ประมาณปีละ 4 ล้านบาท และที่สำคัญเป็นพลังงานสะอาด จึงเป็นประโยชน์ต่อทางโรงพยาบาลเป็นอย่างมาก

จากกรณีตัวอย่างของทั้งโรงพยาบาลศิริราชและคณะแพทยศาสตร์ วชิรพยาบาล ถือว่าแนวทางการส่งเสริมให้โรงพยาบาลเข้าถึงพลังงานสะอาดของ กกพ. ผ่านกองทุนพัฒนาไฟฟ้านั้นเป็นการเริ่มต้นที่ได้ผลตรงตามวัตถุประสงค์ และกองทุนพัฒนาไฟฟ้า กกพ. ยังมีนโยบายขยายผลการสนับสนุนการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ไปยังโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) และโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ห่างไกลอีกด้วย

Advertisment