- Advertisment-

บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO Group ผู้ดำเนินธุรกิจไฟฟ้าและพลังงานที่เกี่ยวเนื่องระดับสากล มีการลงทุนครอบคลุม 7 ประเทศ ทั้งในประเทศไทยและประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและสหรัฐอเมริกา โดยหนึ่งในฐานการลงทุนที่สำคัญของ EGCO Group คือ อินโดนีเซีย ประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในอาเซียนและเป็นประเทศหมู่เกาะที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งประกาศนโยบายขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานที่ชัดเจนและกำลังเป็นสมรภูมิแห่งโอกาสที่นักลงทุนต่างจับจ้อง

ปัจจุบันอินโดนีเซียกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านที่สำคัญในการเติบโตของภาคอุตสาหกรรมอย่างเข้มข้น ความต้องการโครงสร้างพื้นฐานที่มั่นคงและมีประสิทธิภาพจึงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นระบบการบริการโลจิสติกส์ ท่าเรือและคลังสินค้า เครือข่ายพลังงาน และระบบจัดการน้ำ ขณะเดียวกันบริษัทไฟฟ้าของรัฐบาลอินโดนีเซีย (PLN) ก็เร่งขยายโครงข่ายเพื่อรองรับการเติบโตของเศรษฐกิจและประชากรที่เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีการประเมินว่าการลงทุนในทศวรรษนี้อาจแตะระดับหลายแสนล้านเหรียญสหรัฐอเมริกา

นอกจากนั้น รัฐบาลอินโดนีเซียยังได้ประกาศแผนการจัดหากำลังผลิตไฟฟ้า หรือ RUPTL (The National Electricity Supply Plan) ฉบับล่าสุด ปี ค.ศ. 2025-2034 โดยตั้งเป้ากำลังผลิตไฟฟ้าใหม่ถึง 40.6 กิกะวัตต์ ซึ่งมากกว่าครึ่งจะมาจากพลังงานหมุนเวียน โดยแผนนี้จะพลิกโฉมสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนจากประมาณ 12% ในปัจจุบัน เป็น 35% ภายในปี ค.ศ. 2034 โดยเน้นการลงทุนในพลังงานแสงอาทิตย์ 17 กิกะวัตต์ (พร้อมระบบแบตเตอรี่) พลังน้ำ 16 กิกะวัตต์ พลังงานความร้อนใต้พิภพ 5 กิกะวัตต์ และบางส่วนจากพลังงานลมและพลังงานชีวภาพ

- Advertisment -

สำหรับ EGCO Group เล็งเห็นศักยภาพของตลาดอินโดนีเซียตั้งแต่ 13 ปีก่อน โดยได้เข้าลงทุนในอินโดนีเซียในปี ค.ศ. 2012 ผ่านธุรกิจที่หลากหลาย ตั้งแต่ธุรกิจเชื้อเพลิง สาธารณูปโภค และธุรกิจไฟฟ้า อาทิ เหมืองถ่านหิน โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพ (ปัจจุบันได้ขายหุ้นไปแล้ว) จนถึงล่าสุดคือ การลงทุนในธุรกิจสาธารณูปโภคในปี ค.ศ. 2023 ผ่านการถือหุ้น “บริษัท พีที จันทรา ดายา อินเวสตาสิ” (PT Chandra Daya Investasi) หรือ CDI Group ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างบริษัท พีที จันทรา อศรี แปซิฟิก ทีบีเค จำกัด (PT Chandra Asri Pacific Tbk หรือ Chandra Asri Group) บริษัทชั้นนำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้านพลังงาน เคมีภัณฑ์ และโครงสร้างพื้นฐานครบวงจร และ EGCO Group

CDI Group เป็นบริษัทให้บริการครบวงจรด้านโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภค ทั้งธุรกิจผลิตและขายไฟฟ้า ธุรกิจสาธารณูปโภคประเภทน้ำ ธุรกิจบริหารจัดการคลังเก็บผลิตภัณฑ์เคมีและท่าเทียบเรือ (Port, Tanks & Jetty) และธุรกิจโลจิสติกส์ผ่านการขนส่งทางเรือเดินสมุทรขนาดใหญ่ (Vessels) โดยตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ยุทธศาสตร์และนิคมอุตสาหกรรมเมืองซีเลกอน (Cilegon) และเมืองเซรัง (Serang) จังหวัดบันเต็น (Banten) เกาะชวาตะวันตก 

ด้วยความเชี่ยวชาญใน 4 กลุ่มธุรกิจดังกล่าว CDI Group มีเป้าหมายยกระดับประสิทธิภาพและความยั่งยืนของโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปัจจุบัน CDI Group ดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้า ขนาดกำลังผลิต 320 เมกะวัตต์ โรงบำบัดน้ำเสียที่มีความสามารถในการรองรับน้ำขนาด 4,045 ลิตรต่อวินาที ท่าเทียบเรือจำนวน 5 แห่ง ถังเก็บของเหลวที่มีความจุรวม 648,000 ลูกบาศก์เมตร และกองเรือจำนวน 8 ลำ ซึ่งมีขนาดระวางบรรทุกตั้งแต่ 5,000 – 8,600 เดทเวทตัน (DWT)

ในปีนี้ CDI Group มีความสำเร็จที่สำคัญ คือ การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อินโดนีเซียอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ภายใต้ชื่อย่อหลักทรัพย์ “CDIA” พร้อมเสนอขายหุ้นสามัญที่ออกใหม่ให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ซึ่งสามารถระดมทุนได้เป็นจำนวนรวมทั้งสิ้น 2.37 ล้านล้านรูเปียห์อินโดนีเซีย (คิดเป็นเงินไทยประมาณ 4,700 ล้านบาท) และภายหลังการขาย IPO เสร็จสมบูรณ์ สัดส่วนผู้ถือหุ้นใน CDI Group จะมี Chandra Asri Group ถือหุ้น 60% EGCO ถือหุ้น 30% และผู้ถือหุ้นรายย่อย 10%

เงินทุนที่ได้รับจากการ IPO ครั้งนี้ จะถูกนำมาใช้เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งในกลุ่มธุรกิจหลักของ CDI Group โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์ ท่าเรือ และคลังสินค้า รวมถึงการก่อสร้างถังเก็บสินค้าเครือข่ายท่อส่งเอทิลีน และโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ ภายในเขตอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์

การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อินโดนีเซียถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของ CDI Group และสะท้อนถึงศักยภาพของอินโดนีเซีย ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านที่สำคัญของการเติบโตในภาคอุตสาหกรรม และต้องอาศัยโครงสร้างพื้นฐานที่มีความมั่นคงและมีประสิทธิภาพ รวมถึงความต้องการบริการโลจิสติกส์ ท่าเรือและคลังสินค้า เครือข่ายพลังงาน และระบบจัดการน้ำ ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจึงถือเป็นโอกาสเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญในการขยายบริการของ CDI Group และเสริมสร้างบทบาทในฐานะผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานแบบบูรณาการของอินโดนีเซียและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในอนาคต

สำหรับ EGCO Group คาดการณ์ว่าการลงทุนใน CDI Group จะสามารถสร้างผลกําไรอย่างยั่งยืน และสอดคล้องกับกลยุทธ์ของบริษัท ที่มุ่งเน้นการลงทุนในธุรกิจไฟฟ้าและธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง รวมถึงการขยายการเติบโตโดยการลงทุนในโครงการก่อสร้างใหม่ (Greenfield projects) และการควบรวมกิจการ (Mergers & Acquisitions) ซึ่งเป็นการกระจายการลงทุนและเสริมความแข็งแกร่งให้กับพอร์ตการลงทุนด้านพลังงาน เพื่อสร้างผลตอบแทนอย่างยั่งยืนให้ผู้ถือหุ้น นอกจากนี้ ยังตอกยํ้าความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ระหว่าง EGCO Group และ Chandra Asri Group ในการขยายแพลตฟอร์มโครงสร้างพื้นฐานที่มีคุณภาพสูงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

อย่างไรก็ตาม การลงทุนในอินโดนีเซียยังมีความท้าทาย ทั้งจากความเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบและนโยบาย รวมถึงความผันผวนของอัตราค่าไฟฟ้า แต่ด้วยข้อได้เปรียบของ EGCO Group จากการมีกระแสเงินสดที่เข้มแข็ง  การจับมือกับพันธมิตรท้องถิ่นที่แข็งแกร่ง และมีกลยุทธ์บริหารสินทรัพย์ การเงิน และความเสี่ยงอย่างรอบด้าน จะทำให้ EGCO Group สามารถต่อยอดการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนในตลาดพลังงานและสาธารณูปโภคที่น่าจับตามากที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคนี้

Advertisment