EGCO รอลุ้นรัฐเดินหน้าโครงการไฟฟ้าสีเขียว เฟส 2 คาดมีความชัดเจนเร็วๆ นี้

292
- Advertisment-

บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO ลุ้นรัฐเดินหน้าโครงการพลังงานหมุนเวียนในประเทศ RE Biglot รอบที่ 2 หรือไฟฟ้าสีเขียว ในเร็วๆ นี้ เผยสนใจซื้อ LNG จากอะแลสกา ป้อนโรงไฟฟ้า คาดผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2568 ยังเติบโตต่อเนื่องจากดีมานด์ไฟฟ้าในสหรัฐฯ พร้อมรับรู้รายได้เต็มปีจากโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่ง Yunlin และปิดดีลโรงไฟฟ้า Compass ในสหรัฐฯ ชี้ปี 2568 นี้ เล็งปิดดีล M&A โครงการใหม่เพิ่ม

ดร. จิราพร ศิริคำ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO เปิดเผยในงาน Oppday Q1/2025 EGCO วันที่ 28 พ.ค. 2568 ว่า บริษัทฯ อยู่ระหว่างรอความชัดเจนการดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในประเทศ RE Biglot รอบที่ 2 ในรูปแบบ Feed-in Tarff (FiT) ปี 2565-2573 สำหรับกลุ่มไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิงในส่วนพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน หรือ ไฟฟ้าสีเขียว ซึ่ง บริษัทฯ ได้รับการคัดเลือกจำนวน 11 โครงการ กำลังผลิตติดตั้งรวม 448 เมกะวัตต์ คาดว่าจะมีความชัดเจนในเร็วๆนี้

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังสนใจความเป็นไปได้ในโครงการ Alaska LNG ที่จะดำเนินการตามนโยบายภาครัฐที่ต้องการส่งเสริมการลงทุนในสหรัฐฯ โดยจะต้องศึกษาโอกาสการลงทุนเพิ่มเติม และในเบื้องต้น บริษัทฯ ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับใบอนุญาตการเป็นผู้ประกอบการจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติ ( LNG Shipper) ของไทยที่มีการนำเข้า LNG เพื่อมาใช้เป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าอยู่แล้ว จึงมีความเป็นไปได้ที่จะจัดซื้อ LNG เพิ่มเติมในอนาคตเพื่อมาใช้กับโรงไฟฟ้าในไทย ฟิลิปปินส์ และเกาหลีใต้ แต่ก็ต้องดูความเหมาะสมต่อไป

- Advertisment -

ทั้งนี้ในช่วงที่เหลือของปี 2568 นี้ บริษัทฯ ยังเดินหน้าขยายการลงทุน ตามงบประมาณที่ตั้งไว้ 30,000 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่จะเน้นการลงทุนในพลังงานหมุนเวียน และก๊าซฯ เพื่อให้บรรลุการเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเป็น 30% ของกำลังผลิตไฟฟ้าทั้งหมด ภายในปี 2573

 ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 ปี 2568 คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากความต้องการใช้ไฟฟ้า (ดีมานด์) ในสหรัฐอเมริกาที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะดีมานด์จากลูกค้ากลุ่มดาต้าเซ็นเตอร์ และ AI ที่กำลังเติบโตอย่างมาก ส่งผลดีต่อปริมาณการขายไฟฟ้าและราคาค่าไฟฟ้า ซึ่งในส่วนของ บริษัทฯ ก็มีโครงการลงทุนในสหรัฐ คือ APEX ที่มีกำลังการผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) แล้วในปี 2567 และจะทยอย COD เพิ่มอีกในปี 2568 นี้ ประมาณ 800 เมกะวัตต์ รวมถึงจะรับรู้รายได้เต็มปีจากการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบครบสมบูรณ์ของโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่ง Yunlin กำลังผลิตรวม 640 เมกะวัตต์ ในไต้หวัน และการปิดดีลเข้าซื้อหุ้น 50% ในกลุ่มโรงไฟฟ้า Compass กำลังผลิตรวม 1,304 เมกะวัตต์ ในสหรัฐฯ ที่จะรับรู้รายได้ทันทีหลังปิดดีล 

ขณะที่โรงไฟฟ้าพลังความร้อน Quezon กำลังผลิต 400 เมกะวัตต์ ได้ลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (Power Supply Agreement – PSA) ฉบับใหม่ ระยะเวลา 15 ปี กับผู้จำหน่ายไฟฟ้าขายปลีกรายใหญ่ในประเทศฟิลิปปินส์ คาดว่าจะเริ่มสัญญาใหม่ในไตรมาส 4 ปี 2568 นี้ รวมถึงการซื้อ “กลุ่มโรงไฟฟ้า Pinnacle ll” ในสหรัฐฯ ที่คาดว่าเดือน พ.ค. 2568 นี้ จะเริ่มจ่ายเงินลงทุน 

“หลังจากปีนี้ EGCO ได้ปิดดีลเข้าถือหุ้น 49% ใน “กลุ่มโรงไฟฟ้า Pinnacle ll” กำลังผลิตรวม 251 เมกะวัตต์ ในสหรัฐฯ ช่วงต้นปีไปแล้ว ปัจจุบัน ยังอยู่ระหว่างเจรจาแผนควบรวมหรือซื้อกิจการ (M&A) อีกหลายโครงการในมือ คาดว่าในปีนี้ จะสามารถปิดดีลเพิ่มเติมได้อีก ซึ่งจะมีทั้งลักษณะที่รับรู้รายได้ทันทีและ Greenfield”

อย่างไรก็ตามหลังจากบริษัทฯ ได้ขายหุ้นทั้งหมดในโรงไฟฟ้า RISEC ในสหรัฐอเมริกา และโรงไฟฟ้า Boco Rock Wind Farm ในออสเตรเลียออกไป ตามนโยบายการบริหารสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์ (Asset Recycling) และนำเงินที่ได้จากการขายไปลงทุนใหม่ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและการเติบโตอย่างต่อเนื่องในระยะยาวนั้น ปัจจุบันยังอยู่ระหว่างการศึกษาโครงการที่จะดำเนินการตามนโยบาย Asset Recycling เพิ่มเติม ซึ่งก็ยังรอผลการศึกษาอยู่เพื่อเตรียมนำเงินที่ได้ไปต่อยอดการลงทุนใหม่ๆ

ปัจจุบัน EGCO Group มีกำลังผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นรวมทั้งสิ้น 6,662 เมกะวัตต์ (รวมโรงไฟฟ้าที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้วและโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง) โดยมีกำลังผลิตจากพลังงานหมุนเวียนรวม 1,399 เมกะวัตต์ (คิดเป็น 21% ของกำลังผลิตทั้งหมด) ทั้งจากชีวมวล พลังน้ำ พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลมทั้งบนบกและนอกชายฝั่งทะเล เซลล์เชื้อเพลิง และระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ ทั้งนี้โรงไฟฟ้าและโครงการต่างๆ ตั้งอยู่ใน 7 ประเทศ ได้แก่ ไทย สปป.ลาว ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ ไต้หวัน และสหรัฐอเมริกา

Advertisment