รอ​ กพช. ไฟเขียวนโยบายเปิดเสรีก๊าซ​ BGRIM​ พร้อมนำเข้า​ LNG ล็อตแรก 2.5 แสนตันต่อปี

596
- Advertisment-

BGRIM​ พร้อมนำเข้า​ LNG ล็อตแรก 2.5 แสนตันต่อปีในครึ่งหลังของปี 2564 โดยยังรอให้คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ​ (กพช.) เห็นชอบ นโยบายเปิดเสรีก๊าซฯ ระยะที่2​ ในขณะที่เตรียมเสนอคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน​(กกพ.) ขอนำเข้าเพิ่มอีก 5.5 แสนตันต่อปี ป้อนโรงไฟฟ้าเดิม 13 โรง​ ในส่วนที่อยู่นอกเหนือสัญญาก๊าซฯเดิมที่ทำไว้กับ ปตท.

นายฮาราลด์ ลิงค์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM

เปิดเผยว่า บริษัท​ วางแผนนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว​ (LNG) เฟสแรก 2.5 แสนตันต่อปี ภายในครึ่งหลังของปี 2564 นี้ หลังจากได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติ​ (Shipper) จากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน​(กกพ.) ตั้งแต่เมื่อ 27 พ.ค. 2563 ซึ่งได้ขอนำเข้าไว้ทั้งหมดจำนวน 6.5 แสนตันต่อปี

- Advertisment -

โดยหากคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ​ (กพช.) ที่คาดว่าจะประชุมในเร็วๆนี้ พิจารณาอนุมัตินโยบายเปิดเสรีก๊าซธรรมชาติระยะที่2​ ให้ บี.กริม นำเข้าได้ ทาง BGRIM​ ก็พร้อมเริ่มกระบวนการนำเข้าได้ทันที

โดยขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับผู้นำเข้า LNG จำนวน 6 ราย และจะคัดเลือกให้เหลือเพียง 1 ราย สำหรับทำสัญญาซื้อขาย LNG ซึ่งจะเน้นการซื้อแบบสัญญาระยะยาว 7-10 ปีเป็นหลัก เพื่อนำก๊าซฯมาใช้กับโรงไฟฟ้าสำหรับผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก​ (SPP) ที่ทดแทนโรงไฟฟ้าเดิมที่สิ้นสุดสัญญาลง​ (SPP Replacement) จำนวน 5 แห่ง โดยจะใช้ก๊าซฯเป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้า 110 เมกะวัตต์ต่อโรง และป้อนให้กับโรงงานอุตสาหกรรมเป็นหลัก อย่างไรก็ตามคาดว่าจะสามารถนำเข้าก๊าซฯได้ครบ 6.5 แสนตันต่อปีได้ตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นไป

“นโยบายรัฐบาลต้องการเปิดเสรีก๊าซเพื่อให้เกิดการแข่งขัน และทำให้ราคา​ LNG ลดลง ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าปรับลดลงได้ ดังนั้นเชื่อว่า กพช.จะพิจารณาให้ บี.กริมนำเข้าก๊าซฯ ได้ ซึ่ง BGRIM​ พร้อมเริ่มกระบวนการนำเข้าได้ทันที หาก กพช.อนุมัติ” นาย​ ฮาราลด์ ลิงค์​ กล่าว

นอกจากนี้​ BGRIM เตรียมขออนุมัติ กกพ.นำเข้า LNG อีก 5.5 แสนตันต่อปี นอกเหนือจากปริมาณ 6.5 แสนตันต่อปีที่ได้ขออนุมัติไปแล้ว สำหรับนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงให้กับ 13 โรงไฟฟ้าเดิมของ บี.กริม ที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มเติมจากเดิม ซึ่งเป็นปริมาณก๊าซฯส่วนเกินจากที่ได้ทำสัญญาซื้อขายก๊าซฯกับบริษัท ปตท.จำกัด​ (มหาชน)ไว้แล้ว โดยมีปริมาณก๊าซฯ ส่วนเกินที่ต้องการใช้ประมาณ 25-35%

พร้อมกันนี้ยังมีแผนนำเข้าก๊าซฯ สำหรับโรงไฟฟ้าใหม่ในอนาคตที่จะรองรับโครงการสมาร์ทซิตี้ และโครงการ SPP ใหม่ๆ ที่จะเข้ามา ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างพิจารณาปริมาณความต้องการใช้ในอนาคตต่อไป

Advertisment