โดย วัชรพงศ์ ทองรุ่ง บรรณาธิการบริหาร ศูนย์ข่าวพลังงาน Energy News Center (ENC)
เมื่อเร็ว ๆ นี้ มีโอกาสได้ไปร่วมงานแถลงข่าวผลประกอบการ 9 เดือน ของ ปตท. โดย ซีอีโอ ปตท. ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง และหลังจากนั้นไม่กี่วัน ศูนย์ข่าวพลังงาน Energy News Center (ENC) จัดงานสัมมนาในวาระครบรอบ 10 ปี หัวข้อ “ความท้าทายพลังงานไทย เปลี่ยนผ่านอย่างไรให้ยั่งยืน” ซึ่งหนึ่งในวิทยากรคือ ดร.คุรุจิต นาครทรรพ ผู้อำนวยการสถาบันปิโตรเลียมและพลังงานแห่งประเทศไทย มาบรรยายเรื่องบทบาทของก๊าซธรรมชาติในการเปลี่ยนผ่านพลังงาน ซึ่งมีประเด็นสำคัญที่ทั้งสองท่าน คือ ดร.คงกระพัน และ ดร.คุรุจิต เห็นตรงกัน คือ ก๊าซธรรมชาติ จะยังเป็นเชื้อเพลิงหลักที่มีความสำคัญในการเปลี่ยนผ่านพลังงาน (Energy Transition) เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่เป้าหมายใหม่ Net Zero 2050 ได้
ปตท. มองว่าก๊าซธรรมชาตินั้น เป็น “Destination Fuel” หรือ เชื้อเพลิงที่จะพาเราไปสู่จุดหมายปลายทางของการเปลี่ยนผ่านพลังงาน แม้ว่าก๊าซธรรมชาติจะถูกจัดเป็นเชื้อเพลิงฟอสซิลที่ปล่อยคาร์บอน แต่ก็สามารถมีเทคโนโลยีมาช่วยดักจับหรือกักเก็บคาร์บอนที่ปล่อยออกมาได้ และที่สำคัญ ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงที่ตอบโจทย์การสร้างสมดุลสามมิติด้านพลังงาน หรือ Energy Trilemma คือ ช่วยสร้างความมั่นคงทางพลังงาน มีต้นทุนราคาที่เป็นธรรมกับผู้บริโภค เมื่อเทียบกับเชื้อเพลิงทางเลือกอื่นๆ และ มีความยั่งยืน นอกจากนั้น สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจในอนาคตของ ปตท. ยังให้ความสำคัญต่อธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ตลอดทั้ง supply chain โดยตั้งเป้าที่จะเพิ่มปริมาณนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว หรือ LNG จาก 10 ล้านตันต่อปี ในปี 2030 เป็น 15 ล้านตันต่อปี ในปี 2035 ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นการนำเข้ามาเพื่อส่งออกไปยังประเทศที่มีความต้องการ
ในขณะที่ ดร.คุรุจิต บรรยายในงานสัมมนาดังกล่าวว่า ก๊าซธรรมชาติจะยังเป็นเชื้อเพลิงที่มีความสำคัญของไทยไปอีก 30-40 ปีข้างหน้า ดังนั้นภาครัฐจะต้องแสวงหาแหล่งก๊าซธรรมชาติภายในประเทศและจากพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา มาเพิ่มเติมปริมาณสำรอง ทดแทนการนำเข้า LNG ที่มีราคาแพงกว่า
มีคำตอบในเวทีสัมมนาของ ENC ว่า การเปลี่ยนผ่านพลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิลไปสู่พลังงานสะอาด เพื่อตอบโจทย์เป้าหมายการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero 2050 ไม่สามารถที่จะเพิ่มสัดส่วนของพลังงานหมุนเวียนเข้ามาในระบบเพียงอย่างเดียว แต่ต้องมีเชื้อเพลิงหลักเข้ามาช่วยเสริมความมั่นคงในระบบด้วย และก๊าซธรรมชาติยังเป็นเชื้อเพลิงหลักที่ว่านั้น ไปจนกว่าจะมีพลังงานสะอาดทางเลือกอื่น ๆ ที่มีต้นทุนที่ถูกกว่า และเสริมความมั่นคงให้ระบบไฟฟ้าได้ดีกว่า เข้ามาทดแทน
–















































