บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ประกาศผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 ปี 2568 กำไรโตขึ้น 21.2 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 19,784 ล้านบาท โดยมาจาก EBITDA ที่เพิ่มขึ้นและมีการรับรู้รายการที่ไม่ได้เกิดขึ้นประจำ ขณะที่งวด 9 เดือนแรกปี 2568 มีกำไรสุทธิ 64,632 ล้านบาท ลดลง 20% ซึ่งมาจากธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม ธุรกิจการกลั่นและปิโตรเคมี ที่มีผลการดำเนินงานลดลงจากราคาขายเฉลี่ยที่ลดลง
นางสาวภัทรลดา สง่าแสง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เปิดเผย ผลประกอบการไตรมาส 3/2568 พบว่า บริษัทฯมีกำไรสุทธิ 19,784 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,460 ล้านบาท หรือโตขึ้น 21.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 16,324 ล้านบาท ตาม EBITDA ที่เพิ่มขึ้นและมีการรับรู้รายการที่ไม่ได้เกิดขึ้นประจำ (Non -recurring items) สุทธิภาษีตามสัดส่วนของ ปตท. เป็นผลกำไรประมาณ 900 ล้านบาทมาจากกำไรจากการซื้อคืนหุ้นกู้ของ TOP และ PTTGC
โดยในไตรมาส 3 /2568 ปตท.มียอดขายรวม 646,689 ล้านบาท ลดลง15.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ มีกำไรจากการดำเนินงาน ก่อนค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย ต้นทุนทางการเงิน และภาษีเงินได้ (EBITDA) จำนวน 85,769 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16,877 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 24.5% โดยหลักมาจากกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่นที่มีผลการดำเนินงานเพิ่มขึ้น โดยธุรกิจการกลั่นเพิ่มขึ้นจากกำไรจากสต๊อกน้ำมันสุทธิกับมูลค่าสุทธิที่จะได้รับของสินค้าคงเหลือประมาณ 1,700 ล้านบาท รวมทั้งกำไรขั้นต้นจากการกลั่น (Market GRM) ที่เพิ่มขึ้น แม้ว่าปริมาณการขายลดลง ขณะที่ธุรกิจปิโตรเคมีมีผลการดำเนินงานลดลงโดยหลักจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กับวัตถุดิบของกลุ่มโอเลฟินส์และอะโรเมติกส์ที่ปรับตัวลดลงส่วนกลุ่มธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมมีผลประกอบการลดลงโดยหลักจากรายได้จากการขายที่ลดลงตามราคาน้ำมันโลกที่ลดลง กลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติ มีผลการดำเนินงานลดลง โดยหลักจากธุรกิจจัดหาและค้าส่งก๊าซฯและธุรกิจโรงแยกก๊าซฯ ตามปริมาณการขายและราคาขายเฉลี่ยที่ลดลง
หากเปรียบเทียบกับไตรมาส 2/2568 ปตท. มี EBITDA ในไตรมาส 3/2568 จำนวน 85,769 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.0 % จากไตรมาส 2/2568 ที่จำนวน 78,661 ล้านบาท โดยหลักจากกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่นที่มีผลการดำเนินงานเพิ่มขึ้น โดยธุรกิจการกลั่นเพิ่มขึ้นเนื่องจากในโตรมาสนี้มีกำไรจากสต๊อกน้ำมันสุทธิกับมูลค่าสุทธิที่จะได้รับของสินค้าคงเหลือประมาณ 1,700 ล้านบาท แม้ว่า Market GRM และปริมาณการขายลดลง ขณะที่ธุรกิจปิโตรเคมีมีผลการดำเนินงานลดลงเล็กน้อย โดยหลักจากกลุ่มโอเลฟินส์
นอกจากนี้กลุ่มธุรกิจการค้าระหว่างประเทศก็มีผลการดำเนินงานเพิ่มขึ้นจากการรับรู้กำไร Mark-to-market ของสินค้าระหว่างการขนส่ง ขณะเดียวกันธุรกิจก๊าซฯ มีผลการดำเนินงานดีขึ้น โดยหลักจากธุรกิจโรงแยกก๊าซฯ และธุรกิจจัดหาและค้าส่งก๊าซฯจากต้นทุนที่ลดลงตามราคาก๊าซธรรมชาติ (Pool Gas) แม้ว่าราคาขายเฉลี่ยและปริมาณการขายรวมลดลง ทำให้ไตรมาส 3/2568 ปตท.มีกำไรสุทธิจำนวน 19,784 ล้านบาท ลดลงจากช่วงไตรมาสก่อน 8.1%
ส่วนผลการดำเนินงาน งวด 9 เดือนแรกปี 2568 ปตท. มีกำไรสุทธิจำนวน 64,632 ล้านบาท ลดลง 16,129 ล้านบาท หรือปรับลดลง 20 %เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ จำนวน 80,761 ล้านบาท จาก EBITDA ที่ลดลง แม้ว่าจะมีการรับรู้ Non-recurring Items สุทธิภาษีตามสัดส่วนของ ปตท. เป็นกำไรประมาณ 5,000 ล้านบาทก็ตาม
โดย 9 เดือนแรกของปี 2568 ปตท.มียอดขายรวม 2,023,666 ล้านบาท ลดลง 14.5% และมี EBITDA จำนวน 257,957 ล้านบาท ลดลงจำนวน 44,986 ล้านบาท หรือ14.8 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยหลักจากกลุ่มธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมที่มีผลการดำเนินงานลดลงจากราคาขายเฉลี่ยที่ลดลง กลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่นก็ลดลง โดยธุรกิจปิโตรเคมีมีผลการดำเนินงานลดลงโดยหลักจากกลุ่มอะโรเมติกส์และกลุ่มโอเลฟินส์ จากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กับวัตถุดิบที่ปรับลดลง ธุรกิจการกลั่นมีผลการดำเนินงานลดลง เนื่องจาก Market GRM ลดลงจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ที่ปรับลดลง รวมทั้งปริมาณการขายลดลง และมีผลขาดทุนสต๊อกน้ำมันสุทธิกับมูลค่าสุทธิที่จะได้รับของสินค้าคงเหลือลดลงมีผลขาดทุนประมาณ 4,000 ล้านบาท ขณะที่ใน 9เดือนแรกปีก่อนมีผลขาดทุนประมาณ 14,300 ล้านบาท
นอกจากนี้กลุ่มธุรกิจก๊าซฯ ยังมีผลการดำเนินงานลดลงจากธุรกิจโรงแยกก๊าซฯ ที่กำไรขั้นต้นลดลงจากราคาขายเฉลี่ยลดลงตามราคาปิโตรเคมีส่วนใหญ่ ประกอบกับ EBITDA ของบริษัทย่อยในกลุ่มธุรกิจก๊าซฯ ปรับลดลง มาจากบริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จำกัด เนื่องจากมีการลดสัดส่วนการถือหุ้นในโครงการ LNG Receiving Terminal แห่งที่ 2 เหลือ 50% ธุรกิจจัดหาและค้าส่งก๊าซฯ มีผลการดำเนินงานดีขึ้น แม้ว่าปริมาณการขายรวมลดลง
ขณะที่สถานะการเงิน ณ วันที่ 30 ก.ย. 2568 ปตท. และบริษัทย่อย มีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้นจำนวน 3,323,724 ล้านบาท ลดลงจำนวน 115,060 ล้านบาท หรือ 3.3 %จากสิ้นปี 2567 ส่วนหนี้สินมีรวมทั้งสิ้นจำนวน 1,666,848 ล้านบาท ลดลงจำนวน 115,059 ล้านบาท หรือ 6.5 % จาก ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2567 ที่มีหนี้สินรวมจำนวน 1,781,907 ล้านบาท















































