รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ลงพื้นที่ เขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ ติดตามแผนการปรับปรุงโรงไฟฟ้าพลังน้ำโรงไฟฟ้าพลังน้ำ เครื่องที่ 4 พร้อมนำเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบ ตอบโจทย์เป้าหมาย Net Zero 2050 พร้อมสั่งการ กฟผ.ให้เฝ้าระวังสถานการณ์ปริมาณน้ำทุกเขื่อนอย่างใกล้ชิด ไม่ให้ส่งผลกระทบกับประชาชน
เมื่อเร็วๆนี้ นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พร้อมด้วยนายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงาน พร้อมคณะผู้บริหารกระทรวงพลังงาน ลงพื้นที่ดูงานเขื่อนสิริกิติ์ โดยมี นายนรินทร์ เผ่าวณิช ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) นายวิภู พิวัฒน์ รองผู้ว่าการผลิตไฟฟ้า และคณะผู้บริหาร กฟผ.ให้การต้อนรับและบรรยายถึงแผนการดำเนินโครงการปรับปรุงโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนสิริกิติ์ เครื่องที่ 4
โดยเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเขื่อนสิริกิติ์ เครื่องที่ 4 นั้นถูกใช้จนครบอายุการใช้งานมานานกว่า 30 ปีอุปกรณ์หลายส่วนเสื่อมสภาพ จำเป็นต้องได้รับการปรับปรุงเพื่อรักษาความพร้อมและความมั่นคงในการผลิตไฟฟ้า ซึ่งจะช่วยต่ออายุโรงไฟฟ้าอีก 30 ปี ถือเป็นการใช้ทรัพยากรเดิมให้เกิดประโยชน์และความคุ้มค่าสูงสุด ใช้งบประมาณในการปรับปรุง 2,088 ล้านบาท ได้รับความเห็นชอบจากบอร์กฟผ.แล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างนำเสนอขออนุมัติ ครม.ภายในปี 2568 นี้ คาดว่าจะสามารถเดินเครื่องจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้ในเดือนธันวาคม 2572
ที่ผ่านมา กฟผ.มีโครงการปรับปรุงโรงไฟฟ้าพลังน้ำในเขื่อนต่างๆ มาตั้งแต่ปี 2553 จนถึงปัจจุบัน โดยที่ดำเนินการแล้วเสร็จไปแล้ว ได้แก่เขื่อนบางลาง เครื่องที่ 1-3 และเขื่อนศรีนครินทร์ เครื่องที่ 1-3 ส่วนโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการปรับปรุงได้แก่ ที่เขื่อนศรีนครินทร์ เครื่องที่ 4-5 และเขื่อนรัชชประภา เครื่องที่ 1-3
นายอรรถพล กล่าวว่า กระทรวงพลังงานให้ความสำคัญกับการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานหมุนเวียน เพื่อตอบโจทย์เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero ในปี 2593 (Net Zero 2050) ของไทย โดยโรงไฟฟ้าพลังน้ำถือเป็นโรงไฟฟ้าที่สามารถผลิตไฟฟ้าได้อย่างสม่ำเสมอ เป็นพลังงานหมุนเวียนที่มีความเสถียรที่สุด เป็นพลังงานสะอาดและตอบสนองความต้องการใช้ไฟฟ้าได้อย่างรวดเร็วเมื่อมีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงขึ้น โดยใช้เวลาไม่เกิน 7 นาที
“การวางแผนปรับปรุงเพื่อรักษาความพร้อมและความมั่นคงในการผลิตไฟฟ้าเป็นเรื่องที่ผมให้ความสำคัญ เพราะไฟฟ้าที่ได้จากเขื่อนสิริกิติ์ นอกจากมีความเสถียร และเป็นพลังงานสะอาดแล้ว ยังมีต้นทุนที่ต่ำ จึงได้สั่งการให้ กฟผ. เร่งดำเนินการปรับปรุงเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเครื่องที่4 ให้เป็นไปตามแผน” นายอรรถพล กล่าว
พร้อมกันนี้ นายอรรถพล ยังได้สั่งการให้กฟผ.ติดตามสถานการณ์ปริมาณน้ำในเขื่อนที่มีเพิ่มมากขึ้นอย่างใกล้ชิด หลังจากไทยได้รับอิทธิพลจากพายุหลายลูกในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ปริมาณน้ำในเขื่อนหลายแห่งมีปริมาณสูงเกือบเต็มความจุเขื่อน ซึ่งเขื่อนสิริกิติ์ในปัจจุบัน มีปริมาณน้ำมากถึง 97% ของความจุเขื่อน พร้อมขอให้ตรวจสอบความแข็งแรงของเขื่อน และบริหารจัดการน้ำไม่ให้ประชาชนใต้เขื่อนได้รับผลกระทบ
ทั้งนี้ เขื่อนสิริกิติ์เป็นเขื่อนดินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ กั้นแม่น้ำน่าน บริเวณ อ.ท่าปลา จ.อุตรดิตถ์มีความจุอ่างเก็บน้ำประมาณ 9,510 ล้านลูกบาศก์เมตร ใหญ่เป็นอันดับ 3 รองจากเขื่อนศรีนครินทร์และเขื่อนภูมิพล สร้างประโยชน์ด้านการเกษตรและอุปโภคบริโภค ช่วยบรรเทาอุทกภัยในลุ่มน้ำน่านและร่วมกับเขื่อนภูมิพลบรรเทาอุทกภัยในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา
