หน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) รายงานสถานการณ์ตลาดน้ำมัน ประจำสัปดาห์วันที่ 22-26 ก.ย. 68 และแนวโน้มในสัปดาห์วันที่ 29 ก.ย. – 3 ต.ค. 68 โดยระบุว่าราคาน้ำมันดิบได้รับแรงหนุนจากธนาคารกลางสหรัฐฯ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน ธ.ค. 67
โดยเมื่อวันที่ 17 ก.ย. 68 ที่ผ่านมา ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (Federal Reserve: Fed) มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% อยู่ที่ 4.00-4.25% และยังส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ต.ค. และ ธ.ค. 68 อีกครั้งละ 0.25%
อีกด้านหนึ่ง ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission: EC) นาง Ursula von der Leyen กล่าวว่า EC จะเสนอแผนเร่งการยกเลิกนำเข้าน้ำมันและก๊าซธรรมชาติของรัสเซียต่อสหรัฐฯ เร็วขึ้น (เดิมภายในวันที่ 1 ม.ค. 71) และให้ความร่วมมือกดดันรัสเซียทางเศรษฐกิจในแผนการคว่ำบาตรครั้งที่ 19 ซึ่งจะมุ่งเป้าไปที่สกุลเงินดิจิทัล ธนาคารและพลังงานของรัสเซีย อย่างไรก็ตาม โฆษกรัฐบาลรัสเซีย นาย Dmitry Peskov ตอบโต้ว่าการคว่ำบาตรของ EC จะไม่มีอิทธิพลต่อจุดยืนของรัสเซีย
สำหรับสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง เมื่อวันที่ 21 ก.ย. 68 สหราชอาณาจักร แคนาดา ออสเตรเลีย และโปรตุเกสประกาศรับรองปาเลสไตน์เป็นรัฐอย่างเป็นทางการ เพื่อสนับสนุนแนวทางแก้ไขแบบสองรัฐ (Two-State Solution) ในการยุติความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร นาย Keir Starmer ได้กล่าวประณามการโจมตีของอิสราเอลในฉนวนกาซา ขณะที่นายกรัฐมนตรีอิสราเอล นาย Benjamin Netanyahu กล่าวตอบโต้ว่าปาเลสไตน์เป็นกลุ่มก่อการร้ายและจะไม่ถูกก่อตั้งขึ้นเป็นรัฐ
มีรายงานว่า Energy Aspects คาดการณ์ว่าโรงกลั่นทั่วโลกจะปิดซ่อมบำรุงในเดือน ก.ย. 68 เพิ่มขึ้น 1.17 ล้านบาร์เรลต่อวันจากเดือนก่อนหน้า อยู่ที่ 6.72 ล้านบาร์เรลต่อวัน (โรงกลั่นในเอเชียปิดซ่อมบำรุงเพิ่มขึ้น 0.24 ล้านบาร์เรลต่อวันจากเดือนก่อนหน้า อยู่ที่ 0.93 ล้านบาร์เรลต่อวัน) และจะปิดซ่อมบำรุงในเดือน ต.ค. 68 อยู่ที่ 6.57 ล้านบาร์เรลต่อวัน (โรงกลั่นในเอเชียปิดซ่อมบำรุงอยู่ที่ 1.42 ล้านบาร์เรลต่อวัน)
