จากข้อมูลของสองหน่วยงาน คือ กรมธุรกิจพลังงาน และ กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ที่เปิดเผยต่อสื่อมวลชนเมื่อเร็วๆ นี้ ทำให้เรามองเห็นความเชื่อมโยงของยอดจดทะเบียนสะสมยานยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น และส่งผลกระทบต่อการใช้น้ำมันเบนซินที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ส.อ.ท. เปิดเผย ตัวเลขของรถยนต์นั่ง Battery Electric Vehicle หรือ รถ BEV โดยระบุว่ามีจำนวนทั้งสิ้น 307,428 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 60.61% ส่วนรถยนต์นั่ง Hybrid Electric Vehicle หรือรถ HEV ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 มีจำนวนทั้งสิ้น 552,469 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 29.49% ขณะที่รถยนต์นั่ง Plug-in Hybrid Electric Vehicle หรือ รถ PHEV มีจำนวนทั้งสิ้น 75,693 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 27.03%
เมื่อมาดูยอดการใช้น้ำมันกลุ่มเบนซินเฉลี่ย ตั้งแต่เดือน ม.ค.-มิ.ย. 2568 ที่กรมธุรกิจพลังงานเปิดเผยข้อมูลออกมา จะเห็นว่าการใช้น้ำมันกลุ่มเบนซิน เฉลี่ยอยู่ที่ 31.91 ล้านลิตรต่อวัน เพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.8 ซึ่งเมื่อแยกเป็นน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 ที่นิยมเติมในรถยนต์นั่งส่วนบุคคล มียอดเฉลี่ยอยู่ที่ 19.32 ล้านลิตรต่อวัน ส่วนยอดแก๊สโซฮอล์ 91 ลดลงมาอยู่ที่ 6.65 ล้านลิตรต่อวัน แก๊สโซฮอล์อี 20 ลดลงมาอยู่ที่ 5.14 ล้านลิตรต่อวัน เบนซิน ลดลงมาอยู่ที่ 0.40 ล้านลิตรต่อวัน และแก๊สโซฮอล์อี 85 ลดลงมาอยู่ที่ 0.06 ล้านลิตรต่อวัน โดยการที่น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 ยังเติบโตขึ้นในขณะที่กลุ่มแก๊สโซฮอล์อื่นๆปรับตัวลดลงนั้น สาเหตุสำคัญมาจากส่วนต่างของราคาระหว่างแก๊สโซฮอล์ 95 แพงกว่าแก๊สโซฮอล์ 91 อยู่เพียง 0.37 บาทต่อลิตรเท่านั้น (ราคาเฉลี่ยเดือนมกราคม – มิถุนายน 2568) รถยนต์นั่งส่วนใหญ่ หรือแม้แต่รถจักรยานยนต์ที่เคยเติมแก๊สโซฮอล์ 91 จึงหันมาเติมน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 ที่มีค่าออกเทนสูงกว่า
กรมธุรกิจพลังงานวิเคราะห์ถึงสัญญาณการชะลอตัวลงของการใช้น้ำมันกลุ่มเบนซินในภาพรวมว่า มีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย โดยปัจจัยหนึ่งที่สำคัญ คือ การขยายตัวของยานยนต์ไฟฟ้า ทั้ง BEV HEV และ PHEV ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลของกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ส.อ.ท. นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยเสริมมาจากการที่คนในกรุงเทพฯ ลดการใช้รถยนต์นั่งส่วนตัว หันมานั่งรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนเพิ่มขึ้น เพราะรัฐบาลมีนโยบายปรับลดราคาค่าโดยสารเหลือ 20 บาทตลอดสายในรถไฟฟ้าสายสีม่วงและรถไฟฟ้าสายสีแดง ซึ่งตัวเลขการขยายตัวของผู้โดยสารรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องคิดเป็น 3.22 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ที่น่าจับตามอง คือ มีการคาดการณ์ว่าแนวโน้มการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าจะเพิ่มมากขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 เพราะตัวแทนจำหน่ายยานยนต์ไฟฟ้าหลายยี่ห้อมีการจัดโปรโมชั่นและลดราคาแข่งกัน ซึ่งต้องติดตามดูตัวเลขการเพิ่มขึ้นของยอดจดทะเบียนสะสมยานยนต์ไฟฟ้า เปรียบเทียบกับยอดใช้น้ำมันกลุ่มเบนซิน เฉลี่ย ณ สิ้นปี 2568 ซึ่งเชื่อว่าทางกลุ่มผู้ประกอบการโรงกลั่นน้ำมันและกลุ่มบริษัทผู้ค้าน้ำมัน คงจะติดตามมอนิเตอร์ดูตัวเลขเหล่านี้อย่างใกล้ชิดเช่นกัน เพื่อวางแผนการดำเนินงานให้สอดรับกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป