กพช. เห็นชอบต่ออายุโรงไฟฟ้าแม่เมาะและน้ำพองของ กฟผ. ออกไปอีก 6 ปี

413
- Advertisment-

กพช. เห็นชอบขยายอายุโรงไฟฟ้าของ กฟผ. ทั้งโรงไฟฟ้าแม่เมาะ เครื่องที่ 8 และ 11 ออกไป 6 ปี จากวันที่ 31 ธันวาคม 2568 ไปเป็นวันที่ 31 ธันวาคม 2574  และโรงไฟฟ้าน้ำพองชุดที่ 1 และ 2  ออกไปอีก 6 ปี เช่นกัน ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2569 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2574  เพื่อให้เกิดการใช้ทรัพยากรภายในประเทศให้เกิดประโยชน์สูงสุด ลดการนำเข้า LNG จากต่างประเทศ โดยให้บรรจุไว้ในแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย หรือ แผน PDP ฉบับใหม่ ที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ

วันนี้ (21 สิงหาคม 2568) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ซึ่งมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน มีมติเห็นชอบแนวทางบริหารจัดการโรงไฟฟ้าแม่เมาะ เพื่อทดแทนโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าแม่เมาะทดแทนเครื่องที่ 8–9 โดยกำหนดให้

(1) เลื่อนแผนการปลดโรงไฟฟ้าแม่เมาะเครื่องที่ 8 และ 11 จากวันที่ 31 ธันวาคม 2568 ไปเป็นวันที่ 31 ธันวาคม 2574 หรือจนกว่าการปรับปรุงเครื่องที่ 12 และ 13 จะแล้วเสร็จ (ประมาณปี 2574) และ (2) ดำเนินการปรับปรุงโรงไฟฟ้าแม่เมาะเครื่องที่ 12 และ 13 พร้อมเลื่อนแผนการปลดออกไปจนถึงปี 2591 โดยจะหยุดเดินเครื่องชั่วคราว (ไม่จ่ายไฟเข้าระบบ) ระหว่างการปรับปรุงในช่วงปี 2569–2574 แนวทางนี้จะช่วยลดการลงทุน ใช้ทรัพยากรภายในประเทศอย่างคุ้มค่า ลดการนำเข้า Spot LNG และลดผลกระทบค่าไฟฟ้าต่อประชาชน โดยคาดว่าจะสามารถลดค่า Ft ได้ประมาณ 3.67 สตางค์ต่อหน่วย หรือคิดเป็นมูลค่าลดลงราว 9,566 ล้านบาทต่อปี  และมอบหมายให้ กฟผ. เสนอเรื่องขอยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2565 เกี่ยวกับโครงการโรงไฟฟ้าแม่เมาะทดแทนเครื่องที่ 8–9

- Advertisment -

นอกจากนี้ ยังเห็นชอบการขยายอายุการเดินเครื่องโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมน้ำพอง ชุดที่ 1 และ 2 ออกไปอีก 6 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2569 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2574 เพื่อให้สอดคล้องกับอายุสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติ และรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทั้งนี้ การขยายอายุการเดินเครื่องครั้งนี้จะช่วยลดต้นทุนการผลิตไฟฟ้าสุทธิได้ประมาณ 28,358 ล้านบาทตลอดระยะเวลา 6 ปี อีกทั้งยังเป็นการใช้ทรัพยากรภายในประเทศให้เกิดประโยชน์สูงสุด 

โดยที่ประชุมได้มอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) นำเรื่องดังกล่าวทั้งในส่วนของการขยายอายุโรงไฟฟ้าแม่เมาะและโรงไฟฟ้าน้ำพอง บรรจุในร่างแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทยฉบับใหม่ตามขั้นตอนต่อไป

ที่ประชุมยังได้มีมติเห็นชอบแนวทางการลดค่าไฟฟ้าสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยแบบอัตราปกติ โดยให้ชำระค่าไฟฟ้าไม่เกินอัตราค่าไฟฟ้าที่ กกพ ประกาศ เรียกเก็บตามรอบ Ft ในแต่ละรอบโดยเริ่มตั้งแต่งวดเดือนกันยายน – ธันวาคม 2568 เป็นต้นไป ซึ่งในงวดเดือนกันยายน – ธันวาคม 2568 อยู่ที่หน่วยละ 3.94 บาท ทั้งนี้ มอบหมาย สนพ. และ กกพ. พิจารณาทบทวนการกำหนดช่วงการใช้ไฟฟ้าที่จะได้รับสิทธิส่วนลดให้ครอบคลุมผู้ใช้ไฟฟ้าส่วนใหญ่ของผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัย เพื่อคงวัตถุประสงค์ในการส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพและลดภาระการอุดหนุนเกินจำเป็น ทั้งนี้ให้ สนพ. และ กกพ.พิจารณาปริมาณหน่วยการใช้ไฟฟ้าขั้นสูงสำหรับบ้านพักอาศัยที่ควรต้องชำระค่าไฟฟ้าสูงกว่าอัตราที่ กกพ.ประกาศในแต่ละรอบตั้งแต่ 400 หน่วยต่อเดือนขึ้นไป ว่าควรมีปริมาณการใช้ไฟฟ้าขั้นสูงไม่เกินเดือนละกี่หน่วย และปริมาณการใช้ไฟฟ้าส่วนที่เกินปริมาณหน่วยขั้นสูงนั้นจะคิดอัตราค่าใช้ไฟฟ้าเท่าใด โดยให้นำผลการพิจารณาไปหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ให้ได้ข้อยุติโดยเร็ว โดยให้ กฟภ. และ กฟน. รับไปปฏิบัติโดยเคร่งครัดต่อไป

ที่ประชุมยังได้มีมติให้ กฟผ. และ กฟภ. กำหนดราคาจำหน่ายไฟฟ้าแก่ประเทศเพื่อนบ้าน ตามมติ กพช. ปี 2558 อย่างเคร่งครัดและเห็นชอบแนวทางปรับปรุงราคาสำหรับสัญญาในอนาคต เพื่อไม่ให้เป็นภาระต่อต้นทุนค่าไฟฟ้าของประเทศและเป็นธรรมต่อประชาชนในประเทศ โดยกำหนดชัดเจนว่าราคาจำหน่ายไฟฟ้าให้ประเทศเพื่อนบ้านจะต้องไม่ต่ำกว่าราคาที่จำหน่ายให้ประชาชนภายในประเทศ ทั้งนี้ กพช. ยังได้มอบหมายให้ กฟผ. และ กฟภ. ร่วมกันศึกษาแนวทางการกำหนดราคาที่เหมาะสม และนำเสนอต่อ กพช. ต่อไป

Advertisment