ราคาน้ำมันดิบได้รับแรงหนุนจากตลาดกังวลอุปทานน้ำมันจะได้รับผลกระทบ หากรัสเซียและยูเครนไม่สามารถบรรลุข้อตกลงหยุดยิงก่อนวันที่ 8 ส.ค. 68

47
- Advertisment-

หน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) รายงานสถานการณ์ตลาดน้ำมัน ประจำสัปดาห์วันที่  4-8 ส.ค. 68  และแนวโน้มในสัปดาห์วันที่ 11-15 ส.ค. 68 ชี้ราคาน้ำมันดิบได้รับแรงหนุนจากที่ตลาดมีความกังวลว่าอุปทานน้ำมันจะได้รับผลกระทบ หากรัสเซียและยูเครนไม่สามารถบรรลุข้อตกลงหยุดยิงก่อนวันที่ 8 ส.ค. 68

ประธานาธิบดีสหรัฐฯ นาย Donald Trump มีแผนลดกรอบเวลาที่กำหนดให้รัสเซียกับยูเครนบรรลุข้อตกลงหยุดยิงจากเดิมภายในวันที่ 8 ส.ค. 68 มิฉะนั้นประธานาธิบดี Trump จะบังคับใช้มาตรการภาษีทุติยภูมิ (Secondary Tariffs) ต่อรัสเซีย โดยจะตั้งกำแพงภาษี 100% ต่อประเทศที่นำเข้าสินค้าจากรัสเซีย

วันที่ 1 ส.ค. 68 ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา นาย Donald Trump ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารปรับภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) 10-41% อาทิ สวิตเซอร์แลนด์ที่ 39%, แคนาดา 35%, แอฟริกาใต้ 30%, ไต้หวัน 20%, เมียนมาร์และลาว 40% รวมถึงไทยและกัมพูชา 19% และประกาศอัตราภาษีขั้นต่ำทั่วโลกที่ 10% (ประเทศที่เกินดุลการค้าอย่างมีนัยสำคัญกับสหรัฐอเมริกาจะอยู่ที่ 15% ขึ้นไป)

- Advertisment -

วันที่ 30 ก.ค. 68 ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (Federal Open Market Committee: FOMC) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 4.25-4.50% ติดต่อกันเป็นครั้งที่ 5 (ตามที่ตลาดคาดการณ์) โดยประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Reserve: Fed) นาย Jerome Powell เผยว่า Fed ยังต้องคงอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ (เดือน มิ.ย. 68 อยู่ที่ +2.7% จากปีก่อนหน้า สูงสุดในรอบ 4 เดือน)

ขณะเดียวกัน เมื่อวันที่ 3 ส.ค. 68 สมาชิกกลุ่ม OPEC+ 8 ประเทศมีมติเพิ่มปริมาณการผลิต 547,000 บาร์เรลต่อวันในเดือน ก.ย. ซึ่งทำให้เพิ่มการผลิตสะสมในเดือน เม.ย. – ก.ย. 68 รวม 2.46 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยเป็นการชดเชยส่วนที่เคยอาสาลดการผลิตโดยสมัครใจ ปริมาณ 2.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน (เร็วกว่าแผนเดิมซึ่งจะเสร็จสิ้นในเดือน ก.ย. 69) และผนวกกับโควตาใหม่ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ในการเพิ่มปริมาณการผลิตช่วงเดือน มิถุนายน ถึง ก.ย. 68 อีก 260,000 บาร์เรลต่อวัน ทั้งนี้ สมาชิกกลุ่ม OPEC+ มีแผนจัดประชุมอีกครั้งในวันที่ 7 ก.ย. 68

Advertisment