กรมธุรกิจพลังงาน ยืนยันเดือน ก.ค. 2568 ไทยมีสำรองน้ำมันตามกฎหมายและก๊าซฯ เพียงพอต่อความต้องการใช้ครอบคลุม 60 วัน พร้อมเฝ้าติดตามสถานการณ์สู้รบระหว่างอิหร่านและอิสราเอลอย่างต่อเนื่อง ส่วนกรณีกัมพูชายังเดินหน้ายุติซื้อน้ำมันจากไทย ชี้ผู้ค้าน้ำมันไม่ได้รับผลกระทบรุนแรง เหตุปริมาณจำหน่ายให้กัมพูชาไม่มากเพียง 5% เมื่อเทียบกับปริมาณที่ใช้เองในประเทศ พร้อมนำน้ำมันส่วนเกินไปจำหน่ายในตลาดอื่นที่ยังมีความต้องการแทนได้
นายสราวุธ แก้วตาทิพย์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เปิดเผยว่า กรมธุรกิจพลังงานยังคงติดตามสถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลางจากการสู้รบระหว่างอิหร่านและอิสราเอล เพื่อเตรียมรับมือผลกระทบด้านปริมาณน้ำมันที่อาจเกิดขึ้นกับประเทศไทย อย่างไรก็ตามมั่นใจว่าใน 60 วันนับจากนี้ ไทยยังมีน้ำมันเพียงพอต่อความต้องการใช้แน่นอน เนื่องจากไทยมีสำรองน้ำมันดิบตามกฎหมายอยู่ 21.5 วัน, น้ำมันสำเร็จรูปอีก 3.5 วัน นอกจากนี้ยังมีน้ำมันที่ภาคเอกชนสำรองเกินจากความต้องการขายอีก 14 วัน และน้ำมันที่อยู่ในเรือซึ่งกำลังเดินทางมายังประเทศไทยซึ่งใช้ได้อีก 21 วัน
พร้อมกันนี้ไทยยังมีความพร้อมด้านก๊าซธรรมชาติ ซึ่งนอกจากก๊าซฯ ในอ่าวไทยแล้วยังมีก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) จากประเทศกาตาร์อีก 2 ลำเรือ ปริมาณ 7 หมื่นตันต่อลำ ที่จะเข้ามายังประเทศไทย ดังนั้นในเดือน ก.ค. 2568 นี้ กรมฯ มีความมั่นใจว่าพลังงานในไทยยังมีเพียงพอรองรับความต้องการใช้ของประชาชน
อย่างไรก็ตามหากในอนาคตเกิดการสู้รบที่รุนแรงมากขึ้น รวมถึงมีการปิดช่องแคบฮอร์มุชที่ใช้เป็นเส้นทางขนส่งน้ำมันทางเรือมายังเอเชีย อาจส่งผลกระทบต่อปริมาณน้ำมันในไทย หากสถานการณ์รุนแรงขึ้นไทยก็มีมาตรการรองรับไว้แล้ว เช่น มาตรการประหยัดน้ำมัน รวมถึงการทำงานที่บ้าน (Work from home) จะทำให้เกิดการประหยัดน้ำมันในประเทศได้มาก เป็นต้น
สำหรับกรณีประเทศกัมพูชาประกาศงดซื้อน้ำมันจากไทยนั้น ปัจจุบันผู้ค้าน้ำมันจากค่าย บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จํากัด (มหาชน) หรือ OR ได้แจ้งว่ายังสามารถรับมือได้และยังไม่ได้ส่งผลกระทบรุนแรงแต่อย่างใด ซึ่ง OR มีปั๊มน้ำมันในกัมพูชาประมาณ 160 แห่ง โดยไทยส่งออกน้ำมันให้กัมพูชาประมาณ 6 ล้านลิตรต่อวัน คิดเป็น 5% ของความต้องการใช้น้ำมันในไทยทั้งสิ้น 130 ล้านลิตรต่อวัน
ทั้งนี้จากการสอบถามข้อมูล OR พบว่าทางปั๊มน้ำมัน OR ในกัมพูชายังไม่มีปัญหา แต่หันไปรับน้ำมันจากทางประเทศสิงคโปร์เพื่อมาจำหน่ายแทน โดยขอย้ำว่าไทยไม่ได้ปฏิเสธการขายน้ำมันให้กัมพูชา แต่ทางกัมพูชาเป็นผู้ยกเลิกการซื้อน้ำมันจากไทยเอง ดังนั้นน้ำมันส่วนที่เหลือจากขายให้กัมพูชา ทางไทยจะหันไปขายในตลาดอื่นซึ่งยังมีความต้องการแทน ซึ่งยังไม่ได้กระทบต่อไทยมากนัก แต่กรมฯ ก็ยังคงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป
