OR คาดราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยทั้งปี 2568 ทรงตัวระดับต่ำที่ 50-70 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

62
- Advertisment-

บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR คาดราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยทั้งปี 2568 นี้ อยู่ที่ 50- 70 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เชื่อยอดขายน้ำมันจะเติบโตตามเศรษฐกิจประเทศ พร้อมมีแผนขยายปั๊มน้ำมันเพิ่ม 100 แห่งและสถานีชาร์จ EV เพิ่มอีก 250 แห่งในปี 2568 ชี้กรณีสถานะเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่ใกล้จะเป็นบวก จะส่งผลดีต่อกระแสเงินสดของ OR เหตุการชำระคืนเงินผู้ค้าน้ำมันมีเสถียรภาพมากขึ้น

นางสาววิไลวรรณ กาญจนกันติ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านบริหารการเงิน บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เปิดเผยในงาน Oppday Q1/2025 OR วันที่ 20 พ.ค. 2568 โดยระบุว่า แนวโน้มการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 2 ปี 2568 OR ประเมินว่า กลุ่มธุรกิจ Mobility ในส่วนของราคาน้ำมันมีการปรับตัวลดลงจากไตรมาส 1 ที่ผ่านมา และปริมาณการขายจะอ่อนตัวลงตามฤดูกาล (seasonal) เนื่องจากเริ่มเข้าสู่ฤดูฝน และต้องระมัดระวังเรื่องการขาดทุนจากการสต็อกน้ำมัน (Stock Loss)เล็กน้อย แต่ราคาน้ำมันไม่ได้ลดลงอย่างฉับพลัน ฉะนั้นกำไรจะยังอยู่ในกรอบที่ประเมินไว้

ส่วนกลุ่มธุรกิจ Lifestyle จะเห็นว่าเดือน เม.ย.จะเป็นช่วงที่ทำยอดขายได้ดี และช่วงต้นไตรมาส 2 ที่เข้าสู่ฤดูร้อน ทำให้ยอดขายของคาเฟ่ อเมซอน ยังคงเติบโตได้ดีต่อเนื่องจากไตรมาส 1 ที่ทำยอดขายเฉลี่ยต่อวันสูงสุดอยู่ที่ 104 ล้านแก้ว ฉะนั้นไตรมาส 2 ก็คาดว่าจะรักษาการเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านแก้วต่อวัน และรักษาอัตราการทำกำไร(EBITDA margin) ได้แข็งแกร่ง

- Advertisment -

สำหรับความคืบหน้าแผนการควบรวมหรือซื้อกิจการ (M&A) ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจาทั้งธุรกิจ Mobility และ Lifestyle ซึ่งในส่วนของธุรกิจ Lifestyle น่าจะเห็นความชัดเจนได้ในช่วงต้นไตรมาส 3 ปี 2568 นี้ ขณะเดียวกัน OR ยังอยู่ระหว่างการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อการหาพันธมิตรทางธุรกิจเพิ่มเติมตามนโยบายของบริษัทแม่ คือ ปตท. ที่จะเข้ามาช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจในอนาคต ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการประเมินข้อมูลในหลายๆด้าน และยังไม่มีความชัดเจนในเร็วๆนี้

ส่วนสถานะเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่ใกล้จะเป็นบวกนั้น คาดว่าจะมีผลต่อ OR ในเรื่องของกระแสเงินสด ในกรณีที่กองทุนฯ จะต้องมีการชำระคืนเงินให้กับผู้ค้าน้ำมันโดยมีเสถียรภาพมากขึ้น ขณะที่ส่วนแบ่งทางการตลาดของธุรกิจน้ำมัน (มาร์เก็ตแชร์) ทั้งปี 2568 นี้ คาดว่าจะรักษาระดับได้ใกล้เคียงกับไตรมาส 1 (ณ 31 มี.ค. 2568) อยู่ที่ 40.3% เป็นอันดับ 1 ของ ประเทศ โดยเฉลี่ยทั้งปี 2568 นี้ อาจปรับเพิ่มขึ้นได้อีกประมาณ 1-2% จากการจัดทำ loyalty program กระตุ้นการขายอย่างต่อเนื่อง เช่น การสมัครเมมเบอร์แล้วได้รับส่วนลดเพิ่มเติม ทั้งสมาชิกบลูพลัสและ สมาชิก xplORe

“ปีนี้ OR มีแผนสร้างการเติบโตจากการขยายสาขาสถานีบริการน้ำมัน “พีทีที สเตชั่น” ในไทยเพิ่มขึ้น 100 แห่ง และ สถานีชาร์จ EV Station PluZ เพิ่มขึ้น 250 แห่ง หรือ เพิ่มขึ้น 600 หัวจ่าย(DC)”

ส่วนแนวโน้มธุรกิจในปี 2568 ทิศทางเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวลง ตามคาดการณ์ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF) ที่ประมาณการว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก (GDP) จะขยายตัว 2.8% ชะลอตัวลงจากปี 2567 ที่ขยายตัว 3.3% จากสาเหตุสงครามการค้า ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ และจีนหดตัวลง ส่งผลต่อเนื่องมายังเศรษฐกิจไทย ที่เกิดจากความผันผวนของราคาพลังงาน นโยบายการเงิน และอัตราแลกเปลี่ยน โดยสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) คาดการณ์ว่า ปี 2568 GDP ของไทยจะขยายตัว 1.8% ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประเมินอยู่ในกรอบ  1.3- 2.0% ลดลงจากปี 2567 ที่เติบโต 2.5% ซึ่ง OR คาดว่า ปริมาณการขายน้ำมันในปี 2568 นี้ จะเติบโตตามกรอบของ GDP

ส่วนทิศทางราคาน้ำมัน OR ประเมินว่า น้ำมันดิบดูไบยังมีความผันผวนสูง ฉะนั้นการแกว่งตัวจะอยู่ในกรอบกว้าง ที่ระดับ 50- 70 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ซึ่งธุรกิจน้ำมันจะต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและรักษาระดับต้นทุนให้เหมาะสมเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาขาดทุนจากการสต็อกน้ำมัน (Stock Loss) และยังต้องหาโอกาสเข้าไปทำประกันความเสี่ยง (Hedging) ในบางผลิตภัณฑ์ที่มีความเสี่ยงด้านราคาอยู่

ทั้งนี้ ในปี 2568 OR จัดสรรงบลงทุนรวมอยู่ที่ 18,886.9 ล้านบาท แบ่งเป็น

1.ธุรกิจ Mobility อยู่ที่ 7,656.7 ล้านบาท (คิดเป็นสัดส่วน 40.5%) หลักๆ จะใช้สำหรับการขยายสถานีบริการใหม่ ประมาณ 100 สาขา และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน รวมถึงการลงทุนในสถานีชาร์จ EV

2.ธุรกิจไลฟ์สไตล์ (Lifestyle Business) อยู่ที่ 7,280.4 ล้านบาท (คิดเป็นสัดส่วน 38.5%) โดยเน้นครอบคลุมการขยายสาขา Café Amazon และการปรับปรุงร้านค้าเดิม รวมถึงการเตรียมงบประมาณรองรับโอกาสในการเข้าซื้อกิจการ (M&A)

3.ธุรกิจต่างประเทศ (Global Business) อยู่ที่ 2,771.8 ล้านบาท (คิดเป็นสัดส่วน 14.7%) มุ่งเน้นการขยายสถานีบริการ และร้าน Café Amazon ในตลาดต่างประเทศ โดยให้ความสำคัญกับ กัมพูชา ซึ่งเป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูง

4.การลงทุนด้านนวัตกรรมและดิจิตัลแพลตฟอร์ม (Innovation & New Business) อยู่ที่ 1,178 ล้านบาท (คิดเป็นสัดส่วน 6.3%) เน้นพัฒนาด้าน Digital Platform เพื่อสนับสนุนธุรกิจ Mobility และ Lifestyle ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

โดยข้อมูลในไตรมาส 1 ( ณ 31 มี.ค. 2568) OR มีสถานีบริการ PTT Station ทั้งสิ้น 2,761 แห่ง แบ่งเป็นในประเทศ 2,343 แห่ง ในต่างประเทศ 418 แห่ง มีร้านคาเฟ่ อเมซอน อยู่ที่ 4,898 แห่ง แบ่งเป็นในประเทศ 4,472 แห่ง ในต่างประเทศ 426 แห่ง มีสถานีชาร์จ EV Station PluZ จำนวน 1,267 แห่ง หรือ ติดตั้ง 2,502 หัวชาร์จ(DC) ครอบคลุม 77 จังหวัด และมีร้าน Convenience Store จำนวน 2,421 สาขา

Advertisment