บี.กริม เพาเวอร์ โชว์กำไรไตรมาส 1/68 โต 51.6%

84
- Advertisment-

บี.กริม เพาเวอร์ โชว์กำไรไตรมาส 1/68 โต 51.6% พร้อมเดินหน้าขยายฐานลูกค้าอุตสาหกรรม และ COD โครงการพลังงานหมุนเวียน

ดร. ฮาราลด์ ลิงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ปี 2568 เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ด้วยกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน (NNP) – ส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ เพิ่มขึ้น 51.6% สู่ระดับ 749 ล้านบาท และ EBITDA 3,725 ล้านบาท เติบโต 2.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่กำไรสุทธิ – ส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ อยู่ที่ 654 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 379 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน จาก 5 ปัจจัยหลัก ได้แก่ 1. การรวมผลประกอบการของ Malacha ในประเทศสหรัฐอเมริกา หลังจากเข้าซื้อกิจการ 100% ในเดือนพฤษภาคม 2567 2. ปริมาณไอน้ำที่ขายให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรม (IUs) ในประเทศเพิ่มขึ้น 8.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน 3. ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมและการร่วมค้าที่ดีขึ้น 4. การลดลงของราคาก๊าซธรรมชาติ และ 5. กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน (FX) ที่เกิดขึ้นจริง 

นอกจากนี้ บี.กริม เพาเวอร์ ได้มีการเชื่อมเข้าระบบของลูกค้า IUs รายใหม่ในประเทศไทย จำนวน 6.9 เมกะวัตต์ จากกลุ่มเครื่องใช้ในครัวเรือน กลุ่มยางรถยนต์ กลุ่มเคมีภัณฑ์ เป็นต้น รวมถึง บี.กริม แอลเอ็นจี นำเข้า LNG จำนวน 2 ลำ ในเดือนมีนาคมและเมษายน รวมประมาณ 130,000 ตัน เข้าสู่ระบบ Pool Gas เพื่อเป็นเชื้อเพลิงให้กับโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมของ บี.กริม เพาเวอร์ 

- Advertisment -

ในไตรมาส 1 นี้ บี.กริม เพาเวอร์ ประสบความสำเร็จในการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน Kuchinashi ซึ่งมีกำลังการผลิตติดตั้ง 14 เมกะวัตต์ ในประเทศญี่ปุ่น ภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ Tohoku Electric Power Corporation เป็นระยะเวลา 16 ปี นอกจากนี้ยังขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยการจัดตั้ง บริษัท อมตะ บี.กริม รีนิวเอเบิล เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุน โดยบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ สมาร์ท โซลูชั่น จำกัด (บริษัทย่อย) ถือหุ้นในสัดส่วน 25% ขณะที่ บริษัท อมตะ ยู จำกัด ถือหุ้นในสัดส่วน 75% เพื่อประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 

อีกก้าวสำคัญของ บี.กริม เพาเวอร์ คือ การเดินหน้าร่วมมือกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ โดยในเดือนกุมภาพันธ์ บี.กริม เพาเวอร์ ร่วมกับ เอ็นเอส บลูสโคป ลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า และพัฒนาโครงการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนพื้นดิน กำลังการผลิตติดตั้ง 12 เมกะวัตต์ ที่โรงงานเอ็นเอส บลูสโคป จังหวัดระยอง เพื่อเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานสะอาดในโรงงาน เทียบเท่ากับการลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกสูงสุดประมาณ 9,000 ตันต่อปี นอกจากนี้ เพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนในภาคธุรกิจ บี.กริม เพาเวอร์ ได้ส่งมอบใบรับรองการผลิตพลังงานหมุนเวียน (RECs) ให้แก่ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกสิกรไทย เพิ่มทางเลือกด้านพลังงานสะอาดให้กับภาคการเงินและการลงทุน ร่วมขับเคลื่อนสังคมคาร์บอนต่ำ ตอกย้ำความสำเร็จด้วยรางวัลและประกาศเกียรติคุณ โดย บี.กริม เพาเวอร์ ได้รับรางวัล “The Best of ESG” ในงาน Future Trends Awards 2025 จัดโดย Future Trends สื่อผู้นำเทรนด์ของประเทศไทย สะท้อนถึงการดำเนินธุรกิจที่ครอบคลุมมิติการกำกับดูแลกิจการ สังคม และสิ่งแวดล้อมโดยคำนึงถึงประโยชน์ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน และได้รับ 9 รางวัล จาก FinanceAsia นิตยสารชั้นนำด้านการเงินของฮ่องกง สะท้อนถึงศักยภาพการดำเนินธุรกิจด้วยความเป็นมืออาชีพภายใต้ปรัชญาการดำเนินธุรกิจ “สร้างพลังให้กับสังคมโลกด้วยความโอบอ้อมอารี”

ดร.ฮาราลด์ ลิงค์ กล่าวว่า การดำเนินธุรกิจในปีนี้ ต้องเผชิญกับความท้าทายจากนโยบายภาษีและการค้าของสหรัฐฯ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อปริมาณการใช้ไฟฟ้าของลูกค้านิคมอุตสาหกรรม ลดลงประมาณ 5-10% เมื่อเทียบกับปี 2567 อย่างไรก็ตาม สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศเศรษฐกิจหลัก อาจส่งผลในเชิงบวกผ่านราคาก๊าซธรรมชาติที่อาจลดลง โดยเราคาดการณ์ราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับ SPP อยู่ที่ 320-340 บาทต่อล้าน BTU ซึ่งอยู่ในช่วงเดียวกับปี 2567 ที่ราคาก๊าซธรรมชาติอยู่ที่ 324 บาทต่อล้าน BTU และวางแผนนำเข้า LNG ไม่เกิน 5 ลำเรือ เพื่อนำเข้าสู่ระบบ Pool Gas 

“การดึงดูดลูกค้ารายใหม่ เช่น ศูนย์ข้อมูล (Data Center) จะช่วยบรรเทาผลกระทบได้ เนื่องจากความต้องการใช้ไฟฟ้าของกลุ่มลูกค้าดังกล่าวมีความอ่อนไหวน้อยต่อมาตรการภาษี และภาวะชะลอตัวของการค้าโลก อีกทั้งยังได้รับแรงสนับสนุนจากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจดิจิทัล โดย บี.กริม เพาเวอร์ จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับลูกค้าอุตสาหกรรมบางราย และจะร่วมกันพัฒนากลยุทธ์ในการตอบสนองและมาตรการบรรเทาผลกระทบอย่างเหมาะสม” ดร. ฮาราลด์ ลิงค์ กล่าว

สำหรับเป้าหมายในปี 2568 บี.กริม เพาเวอร์ ตั้งเป้าเพิ่มลูกค้าอุตสาหกรรมรายใหม่ เชื่อมเข้าระบบรวม 40-50 เมกะวัตต์ รวมถึงมีโครงการต่างๆ ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและจะ COD รวม 610.5 เมกะวัตต์ ในช่วงปีนี้ ถึงต้นปีหน้า ดังนี้ 1. โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์อู่ตะเภา (เฟส 1) 18 เมกะวัตต์ 2. โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม KOPOS 20 เมกะวัตต์ 3. โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ “อินทรี บี.กริม” 80 เมกะวัตต์ 4.  โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา “จงเช่อ รับเบอร์” ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จังหวัดระยอง 35 เมกะวัตต์  5. โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา “386” 27.5 เมกะวัตต์ 6. โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ “ARECO” 65 เมกะวัตต์ และ 7. โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่ง “Nakwol 1” 365 เมกะวัตต์ 

ส่วนเป้าหมายระยะยาว บี.กริม เพาเวอร์ฯ ตั้งเป้าหมายมุ่งสู่การเป็นผู้ผลิตพลังงานชั้นนำระดับโลกและบรรลุเป้าหมายการก้าวสู่องค์กรที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ (Net-Zero Carbon Emissions) ภายในปี 2593 และตั้งเป้าเพิ่มกำลังผลิตเป็น 10,000 เมกะวัตต์ ในปี 2573 

Advertisment