โรงไฟฟ้ากังหันก๊าซ Townsville เก่าแต่เก๋าในการทำเงินให้ ราช กรุ๊ป ในออสเตรเลีย 

64
- Advertisment-

หากดูกันตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า 25 ปี  Townsville ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าเก่า  ที่  ราช กรุ๊ป เข้าไปลงทุน ผ่านบริษัท ราช-ออสเตรเลีย คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ RAC จะต้องถูกปลดระวางไปตั้งแต่วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2568  ที่ผ่านมา แต่ด้วยนโยบายของรัฐควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย ที่มีนโยบายส่งเสริมไฟฟ้าที่มาจากพลังงานหมุนเวียนทั้งพลังงานลมและแสงอาทิตย์เพิ่มมากขึ้น เพื่อเดินหน้าไปสู่เป้าหมาย Net Zero Emission ในปี  2050  จึงเป็นโอกาสที่  โรงไฟฟ้ากังหันก๊าซ Townsville ได้ต่อลมหายใจไปอีก 10 ปี ด้วยบทบาทการเป็นโรงไฟฟ้าที่เข้ามาช่วยเสริมความมั่นคงระบบไฟฟ้าให้กับรัฐควีนส์แลนด์ 

 RAC ผู้ถือหุ้น 100 % ในโรงไฟฟ้า Townsville  ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 234 เมกะวัตต์ ใช้ก๊าซเป็นเชื้อเพลิง ที่ตั้งอยู่ในเมืองทาวน์สวิลล์ รัฐควีนส์แลนด์  มองว่า โรงไฟฟ้าเก่าแห่งนี้ ยังมีประโยชน์ ที่จะช่วยเสริมความมั่นคงให้ระบบไฟฟ้า ที่ต้องพึ่งพาไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน  ที่มีความผันผวน ไม่แน่นอน ได้ หากมีการติดตั้ง Hybrid Rotating Grid Stabilizer (RGS) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีจาก Siemens Energy ของเยอรมัน และการติดตั้งคลัตช์ (Clutch) อัจฉริยะ Synchro-Self-Shifting (SSS)  เพื่อสามารถเปลี่ยนโหมดการทำงานได้อย่างยืดหยุ่น หรือที่เรียกว่า Synchronous Condenser ซึ่งโครงการดังกล่าว ได้รับความเห็นชอบจากรัฐท้องถิ่น และให้เริ่มเดินเครื่องตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา อายุสัญญา 10 ปี

เมื่อเร็วๆนี้ คณะผู้บริหารของ ราช กรุ๊ป  จำกัด (มหาชน) นำโดย คุณ นิทัศน์ วรพนพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ได้พาคณะสื่อมวลชนจากประเทศไทย ไปเยี่ยมชม โรงไฟฟ้า Townsville  เป็นครั้งแรก เพื่อให้เห็นว่าโครงการ Synchronous Condenser  มีกระบวนการทำงานและสร้างรายได้ให้กับ  RAC ได้อย่างไร  โดยการนำโรงไฟฟ้าที่หมดอายุมาสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ทางธุรกิจของ ราช กรุ๊ป เพื่อสร้างการเติบโตและความแข็งแกร่งในระยะยาว 

- Advertisment -
นิทัศน์ วรพนพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ยืนอยู่กับเครื่อง Synchronous Condenser

คุณ นิทัศน์ อธิบายการทำงานของระบบ Synchronous Condenser ให้สื่อมวลชนฟังให้เข้าใจง่ายขึ้น โดยให้นึกถึงภาพของรถบรรทุกที่วิ่งไปบนถนน เมื่อดับเครื่องยนต์ไปแล้ว ล้อรถยังคงหมุนพารถวิ่งไปเรื่อยๆจนได้ระยะทางประมาณหนึ่งจึงหยุด ซึ่งแรงที่อยู่ในตัวรถบรรทุก เรียกว่าแรงเฉื่อย หรือ Inertia  โดยในโรงไฟฟ้าก๊าซ Townsville เมื่อสั่งเดินเครื่องและหยุดเครื่องก็จะยังมีแรงเฉื่อยนี้เหลืออยู่ในระบบ เช่นเดียวกัน  ในขณะที่ไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังงานแสงอาทิตย์ หรือพลังงานลม  เมื่อไม่มีแสงอาทิตย์ หรือไม่มีลม จะหยุดจ่ายกระแสไฟฟ้าและไม่มีแรงเฉื่อย ซึ่งจะทำให้ความถี่ในระบบไฟฟ้าตกลงอย่างรวดเร็ว และจะทำให้เกิดปัญหาไฟฟ้าดับเป็นวงกว้างหรือ blackout ได้  ดังนั้น รัฐท้องถิ่นควีนส์แลนด์ที่เป็นผู้บริหารจัดการเพื่อดูแลความมั่นคงของระบบไฟฟ้า จึงต้องการแรงเฉื่อย จากโรงไฟฟ้า Townsville เพื่อมาช่วยรักษาความถี่ในระบบเอาไว้ ให้มีเวลาเพียงพอในการสั่งเดินเครื่องโรงไฟฟ้าอื่นๆ เข้ามาเสริมระบบ

ระบบ Synchronous Condenser ที่ช่วยให้การทำงานของโรงไฟฟ้ากังหันก๊าซ Townsville มีความยืดหยุ่นในการรักษาระบบไฟฟ้าให้กับรัฐควีนส์แลนด์ ออสเตรเลีย

การติดตั้งระบบ Synchronous Condenser  ของโรงไฟฟ้า Townsville  ทำให้โรงไฟฟ้ามีรายได้จากรัฐท้องถิ่นที่เป็นคู่สัญญา เมื่อมีการสั่งเดินเครื่องส่งแรงเฉื่อยเพื่อรักษาระบบ  ในขณะที่เป็นช่วงที่โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ไม่สามารถผลิตไฟฟ้าเข้ามาในระบบได้ และส่งผลให้ราคาค่าไฟฟ้าในตลาดรับซื้อไฟฟ้า (National Electricity Market) มีราคาสูงขึ้นมากพอที่ Townsville  จะสามารถเดินเครื่องได้คุ้มต้นทุน โรงไฟฟ้า Townsville ก็จะเปลี่ยนบทบาทมาเป็นผู้ผลิตกระแสไฟฟ้าขายให้กับระบบ ตามปริมาณและช่วงเวลาที่ระบบมีความต้องการใช้ไฟ

ระบบท่อส่งก๊าซเพื่อเป็นเชื้อเพลิงให้กับโรงไฟฟ้า

การใช้ประโยชน์จากโรงไฟฟ้าเก่า Townsville  ในบางช่วงเวลา โดยยอมจ่ายค่าบริการเพื่อรักษาระบบโครงข่ายไฟฟ้า ถือว่ามีความคุ้มค่าสำหรับรัฐท้องถิ่น ควีนแลนด์ ที่ไม่ต้องไปลงทุนโรงไฟฟ้าหลัก โรงใหม่ ในขณะที่ โรงไฟฟ้าเก่า Townsville  ของ RAC ก็ได้ประโยชน์ในแง่ที่ว่าลงทุนเพียงการติดตั้งระบบ Synchronous Condenser ก็สามารถใช้โรงไฟฟ้าเก่า Townsville ที่ต้องปลดระวางออกไป ให้ยังเป็นตัวสร้างรายได้ให้กับบริษัทไปได้อีก 10 ปี  เป็นเรื่องที่ Win-Win ด้วยกันทั้งสองฝ่าย 

คุณนิทัศน์  บอกกับคณะผู้สื่อข่าวว่า โครงการ Synchronous Condenser ในโรงไฟฟ้ากังหันก๊าซ Townsville  ถือเป็นโครงการที่ประสบความสำเร็จในการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับสินทรัพย์โรงไฟฟ้าที่กำลังจะปลดระวางตามแผนงาน และคาดว่าความต้องการโครงการลักษณะนี้ในออสเตรเลียจะมากขึ้นตามการใช้พลังงานทดแทนที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอนาคต 

โดย RAC ยังมีโรงไฟฟ้ากังหันก๊าซอีก  2 โรง คือ โรงไฟฟ้า Kemerton กำลังการผลิต ตามสัดส่วนการลงทุน 315 เมกะวัตต์ ที่รัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย และ โรงไฟฟ้า Snapper Point กำลังการผลิตตามสัดส่วนการลงทุน 154 เมกะวัตต์  ที่รัฐเซาท์ออสเตรเลีย 

สำหรับประเทศไทย ที่มี เป้าหมาย Net Zero Emission ในปี  2050 เช่นเดียวกับออสเตรเลีย และกำลังมีแผนเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนเข้ามาในระบบว่า 50% แม้ว่าขณะนี้จะยังไม่ต้องการพึ่งพาโรงไฟฟ้าเก่า แต่ไม่แน่ว่าวันข้างหน้า  คนที่รับผิดชอบนโยบายอาจจะต้องการ ตัวช่วยเสริมความมั่นคงของระบบ แบบเดียวกับรัฐควีนแลนด์ ที่เรียกใช้บริการจากโรงไฟฟ้า Townsville ก็เป็นได้ 

Advertisment