เสนอรัฐมนตรีพลังงานคนใหม่เคาะชื่อ ผอ.สกนช. หลังเว้นว่างนานกว่า 1 ปี

133
- Advertisment-

คณะกรรมการสรรหาตำแหน่ง “ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง“ (ผอ.สกนช.) เตรียมส่งผลการคัดสรร ผอ.สกนช. ให้รัฐมนตรีพลังงานคนใหม่ ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) พิจารณาก่อนประกาศผลอย่างเป็นทางการ หลังผู้ผ่านคุณสมบัติทั้ง 5 รายแสดงวิสัยทัศน์เสร็จสิ้นไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 3 ก.ย. 2568 ที่ผ่านมา โดยที่ผ่านมา กองทุนน้ำมันฯ ขาดบุคคลที่มานั่งตำแหน่ง ผอ.เพื่อบริหารงานในองค์กรอย่างเต็มประสิทธิภาพมานานกว่า 1 ปี เนื่องมาจากกระบวนการสรรหา ถูกสั่งล้มเลิกและสรรหาใหม่ถึง 3 ครั้ง 

ผู้สื่อข่าวศูนย์ข่าวพลังงาน (Energy News Center – ENC) รายงานความคืบหน้าการสรรหา “ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง” ว่า กระบวนการสรรหาผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง หรือ  ผอ.สกนช. ได้ดำเนินการมาถึงขั้นตอนประกาศผู้ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติ 5 คน และได้เปิดให้แสดงวิสัยทัศน์ไปตั้งแต่ 3 ก.ย. 2568 ที่ผ่านมาแล้ว

สำหรับผู้ผ่านคุณสมบัติ 5 คน ประกอบด้วย

- Advertisment -
นายพรชัย จิรกุลไพศาล ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน สกนช.

1. พลโท ดร.กฤตภาส คงคาพิสุทธ์ อดีตรองเจ้ากรมการพลังงานทหาร

2. นายพรชัย จิรกุลไพศาล ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน สกนช.

3. นายสมบูรณ์ หน่อแก้ว อดีตรองปลัดกระทรวงพลังงาน

4. นายเพทาย หมุดธรรม หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงพลังงาน

5. นางไพลิน ฟุ้งเกียรติ ผู้อำนวยการสำนักการเงินและบัญชี และรักษาการ ผอ.สกนช.

อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ คณะอนุกรรมการสรรหาผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งมี นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เป็นประธาน เตรียมจะประกาศผลผู้ได้รับตำแหน่ง ผอ.สกนช. แต่เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงคณะรัฐบาล และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานใหม่ เป็น “นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์” ส่งผลให้ต้องนำผลการคัดเลือก ผอ.สกนช. เสนอต่อรัฐมนตรีพลังงานคนใหม่ ซึ่งมีฐานะเป็นประธาน กบน. โดยตำแหน่งด้วย ให้พิจารณาก่อนจะประกาศรายชื่ออย่างเป็นทางการต่อไป

สำหรับตำแหน่ง ผอ.สกนช. ว่างเว้นมาเป็นเวลา 1 ปีแล้วนับตั้งแต่ “นายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์” ครบวาระงาน ผอ. สกนช. เมื่อ 16 ส.ค. 2567  ที่ผ่านมามีการแต่งตั้ง “คณะกรรมการสรรหาตำแหน่ง ผอ.สกนช.” ซึ่งมี นายณอคุณ สิทธิพงศ์ อดีตปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน และเริ่มกระบวนการสรรหา ผอ.สกนช. แต่เนื่องจากกระบวนการสรรหา ผอ.สกนช. ในช่วงนั้น ทำผิดขั้นตอน ส่งผลให้ต้องกลับมาเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด 

ต่อมาปลายปี 2567 ได้ดำเนินการตั้งคณะกรรมการสรรหาฯ ใหม่ และมี นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เป็นประธาน โดยกระบวนการสรรหาดำเนินการมาจนถึงประกาศผู้ผ่านคุณสมบัติ 2 ราย แต่ท้ายที่สุด นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ได้ลงนามผลการคัดเลือกว่า ไม่มีผู้ผ่านเกณฑ์การคัดเลือก ส่งผลให้คณะกรรมการสรรหาฯ ต้องกลับมาเปิดรับสมัครตำแหน่ง ผอ.สกนช. รอบที่ 3 และปัจจุบันได้ผู้ผ่านคุณสมบัติทั้งสิ้น 5 ราย โดยได้เข้าแสดงวิสัยทัศน์ต่อคณะกรรมการสรรหาฯ เรียบร้อยแล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอเสนอชื่อต่อรัฐมนตรีพลังงานคนใหม่พิจารณาต่อไป  

สำหรับ ผอ.สกนช. จะมีวาระการดำรงตำแหน่งได้คราวละ 4 ปี หากมีอายุไม่เกิน 65 ปี อาจได้รับการแต่งตั้งอีกได้ แต่ต้องไม่เกิน 2 วาระติดต่อกัน ซึ่ง ผอ.สกนช.จะพ้นจากตำแหน่งเมื่อมีอายุครบ 65 ปีบริบูรณ์

ส่วนผลตอบแทนจะแบ่งเป็น เงินเดือนประจำ 1-2 แสนบาทต่อเดือน และประโยชน์ตอบแทนอื่นที่จ่ายเป็นตัวเงิน ไม่เกิน 25% ของเงินเดือนประจำ

อย่างไรก็ตามถือเป็นจังหวะดีสำหรับ ผอ.สกนช. คนใหม่ที่จะเข้ามาบริหารงาน เนื่องจากกองทุนน้ำมันฯ เริ่มมีสภาพคล่องดีขึ้น โดยกองทุนน้ำมันฯ แบ่งออกเป็น 2 บัญชี คือ บัญชีน้ำมันและ บัญชีก๊าซหุงต้ม (LPG) ซึ่งล่าสุดบัญชีน้ำมันเพิ่งกลับมาเป็นบวกได้ครั้งแรกในรอบ 3 ปี นับตั้งแต่กองทุนฯ ติดลบสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 1.3 แสนล้านบาท ไปเมื่อปี 2565

โดยสถานะเงินกองทุนน้ำมันฯ ล่าสุด ณ วันที่ 21 ก.ย. 2568 ภาพรวมยังติดลบอยู่ที่ -19,161 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมันมีเงินรวม 23,265 ล้านบาท  ส่วนบัญชี LPG ติดลบรวม -42,426 ล้านบาท

ทั้งนี้กองทุนฯ ยังมีเงินไหลเข้าจากการเรียกเก็บเงินจากผู้ใช้น้ำมันทุกชนิดส่งเข้ากองทุนฯ รวม 208.38 ล้านบาทต่อวัน (คิดเป็น 6,251 ล้านบาทต่อเดือน) ซึ่งมาจากผู้ใช้น้ำมัน 179.35 ล้านบาทต่อวัน (ประมาณ 5,380 ล้านบาทต่อเดือน) และมีเงินไหลเข้าจากโรงแยกก๊าซ 29.03 ล้านบาทต่อวัน (คิดเป็น 870 ล้านบาทต่อเดือน)

ดังนั้นคาดการณ์ว่าภาพรวมกองทุนฯ จะกลับมาเป็นบวกได้ประมาณเดือน ธ.ค. 2568 ถึง ม.ค. 2569 นี้ อย่างไรก็ตามแม้กองทุนฯ จะกลับมาเป็นบวกได้ แต่ยังต้องเร่งใช้หนี้เงินกู้สถาบันการเงินที่กู้มารวม 105,333 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันยังเหลือหนี้ที่ต้องใช้คืนอีก 52,360 ล้านบาท

อย่างไรก็ตามปัจจุบันคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ยังคงบริหารเงินโดยมองอย่างหลากหลายมิติเพื่อรักษาสมดุลทางการเงินและเสถียรภาพราคาน้ำมันในประเทศ ดังนั้นเมื่อเก็บเงินเข้ากองทุนฯ ได้มากขึ้นจะเร่งใช้คืนหนี้เงินกู้ พร้อมกับทบทวนลดอัตราการเก็บเงินจากผู้ใช้น้ำมันแต่ละชนิดลง ซึ่งการเก็บเงินเข้ากองทุนฯ ในอนาคตจะเก็บเข้าสูงสุดไม่เกิน 40,000 ล้านบาท ตามกฎหมาย โดยหากเก็บได้ถึงระดับ 30,000 ล้านบาทแล้วจะทยอยลดการเก็บเงินผู้ใช้น้ำมันให้เหลือต่ำสุดเพื่อไม่ให้เงินในกองทุนฯ เกิน 40,000 ล้านบาท

ดังนั้น ผอ.สกนช. คนใหม่ จะเข้ามาบริหารงานในช่วงที่กองทุนน้ำมันฯ เริ่มมีเงินไหลเข้าและบัญชีน้ำมันเริ่มเป็นบวกหลังจากติดลบมากว่า 3 ปี เนื่องจากที่ผ่านมาได้นำเงินไปช่วยพยุงราคาดีเซลและ LPG ให้ประชาชน รวมทั้งภาพรวมกองทุนฯ มีโอกาสกลับมาเป็นบวกเช่นกันในช่วงเดือน ธ.ค. 2568 ถึงเดือน ม.ค. 2569 นี้ ทำให้ ผอ.สกนช.คนใหม่อาจเข้ามาบริหารเงินกองทุนฯ ในช่วงที่กองทุนฯ เริ่มมีสภาพคล่องดีขึ้นและผ่านช่วงต่ำสุดของกองทุนฯ มาแล้ว

Advertisment