เปิดรับสมัคร ผอ.กองทุนน้ำมันฯ รอบที่ 3 ถึง 8 ส.ค. 2568 นี้

50
- Advertisment-

อนุกรรมการสรรหาตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (ผอ.สกนช.) ประกาศเปิดรับสมัครตำแหน่ง ผอ.สกนช. รอบที่ 3 หลังพิจารณาปัดตก 2 รายที่ผ่านการคัดเลือกคุณสมบัติไปแล้ว ระบุเปิดรับสมัครรอบใหม่ถึง 8 ส.ค. 2568 นี้ ในขณะที่เงินกองทุนน้ำมันฯ ยังติดลบรวม -30,445 ล้านบาท คาดเป็นบวกภายในเดือน ธ.ค. 2568

ผู้สื่อข่าวศูนย์ข่าวพลังงาน (Energy News Center – ENC) รายงานว่า อนุกรรมการสรรหาผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ได้ประกาศเปิดรับสมัครตำแหน่ง “ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง” หรือ ผอ. สกนช. เป็นครั้งที่ 3  โดย นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ประธานอนุกรรมการสรรหาผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง  ได้ประกาศ “เปิดรับสมัครบุคคลเพื่อคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง” จนถึงวันที่ 8 ส.ค. 2568 นี้

โดยการเปิดรับสมัคร ผอ.สกนช. รอบนี้ถือเป็นครั้งที่ 3 ที่เปิดรับสมัคร เนื่องจากครั้งแรกประสบปัญหาการดำเนินการเปิดรับสมัครไม่เป็นไปตามขั้นตอนที่ถูกต้อง ส่งผลให้ต้องเปิดรับสมัครครั้งที่ 2 ซึ่งมีผู้ผ่านคุณสมบัติได้เข้ารับการคัดเลือกและแสดงวิสัยทัศน์ คือ 1. พลโท ดร.กฤตภาส คงคาพิสุทธ์ อดีตรองเจ้ากรมการพลังงานทหาร และ 2. นายสมบูรณ์ หน่อแก้ว อดีตรองปลัดกระทรวงพลังงาน

- Advertisment -

อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 25 มิ.ย. 2568 ที่ผ่านมา นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และในฐานะประธานกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ได้มีมติออกประกาศผลการพิจารณาคัดเลือก ผอ.สกนช. ครั้งที่ 2 นี้ว่า ไม่มีผู้ผ่านเกณฑ์การคัดเลือก

ดังนั้นจึงส่งผลให้อนุกรรมการสรรหาฯ ต้องประกาศเปิดรับสมัคร ผอ.สกนช. เป็นครั้งที่ 3 โดยกำหนดเงื่อนไขว่า ผอ.สกนช. จะมีวาระการดำรงตำแหน่งได้คราวละ 4 ปี หากมีอายุไม่เกิน 65 ปี อาจได้รับการแต่งตั้งอีกได้ แต่ต้องไม่เกิน 2 วาระติดต่อกัน ซึ่ง ผอ.สกนช.จะพ้นจากตำแหน่งเมื่อมีอายุครบ 65 ปีบริบูรณ์

ส่วนผลตอบแทนจะแบ่งเป็น เงินเดือนประจำ 1-2 แสนบาทต่อเดือน และประโยชน์ตอบแทนอื่นที่จ่ายเป็นตัวเงิน ไม่เกิน 25% ของเงินเดือนประจำ

อย่างไรก็ตามถือเป็นจังหวะดีสำหรับ ผอ.สกนช. คนใหม่ที่จะเข้ามาบริหารงาน เนื่องจากกองทุนน้ำมันฯ เริ่มมีสภาพคล่องดีขึ้น โดยกองทุนน้ำมันฯ แบ่งออกเป็น 2 บัญชี คือ บัญชีน้ำมันและ บัญชีก๊าซหุงต้ม (LPG) ซึ่งล่าสุดบัญชีน้ำมันเพิ่งกลับมาเป็นบวกได้ครั้งแรกในรอบ 3 ปีกว่า นับตั้งแต่กองทุนฯ ติดลบสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 1.3 แสนล้านบาท ไปเมื่อปี 2565

โดยสถานะเงินกองทุนน้ำมันฯ ล่าสุด ณ วันที่ 20 ก.ค. 2568 ภาพรวมยังติดลบอยู่ที่ -30,445 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมันมีเงินรวม 13,431 ล้านบาท  ส่วนบัญชี LPG ติดลบรวม -43,876 ล้านบาท

ทั้งนี้กองทุนฯ ยังมีเงินไหลเข้าจากการเรียกเก็บเงินจากผู้ใช้น้ำมันทุกชนิดส่งเข้ากองทุนฯ รวม 173.52 ล้านบาทต่อวัน (คิดเป็น 5,205 ล้านบาทต่อเดือน) ซึ่งมาจากผู้ใช้น้ำมัน 153.86 ล้านบาทต่อวัน (ประมาณ 4,615 ล้านบาทต่อเดือน) และมีเงินไหลเข้าจากโรงแยกก๊าซ 19.66 ล้านบาทต่อวัน (คิดเป็น 589 ล้านบาทต่อเดือน)

ดังนั้นคาดการณ์ว่าภาพรวมกองทุนฯ จะกลับมาเป็นบวกได้ประมาณเดือน ธ.ค. 2568 นี้ อย่างไรก็ตามแม้กองทุนฯ จะกลับมาเป็นบวกได้ แต่ยังต้องเร่งใช้หนี้เงินกู้สถาบันการเงินที่กู้มารวม 105,333 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันยังเหลือหนี้ที่ต้องใช้คืนอีก 53,749 ล้านบาท

อย่างไรก็ตามปัจจุบันคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ยังคงบริหารเงินโดยมองในหลากหลายมติเพื่อรักษาสมดุลทางการเงินและเสถียรภาพราคาน้ำมันในประเทศ ดังนั้นเมื่อเก็บเงินเข้ากองทุนฯ ได้มากขึ้นจะเร่งใช้คืนหนี้เงินกู้ พร้อมกับทบทวนลดอัตราการเก็บเงินจากผู้ใช้น้ำมันแต่ละชนิดลง ซึ่งการเก็บเงินเข้ากองทุนฯ ในอนาคตจะเก็บเข้าสูงสุดได้ไม่เกิน 40,000 ล้านบาท ตามกฎหมาย โดยหากเก็บได้ถึงระดับ 30,000 ล้านบาทแล้วจะทยอยลดการเก็บเงินผู้ใช้น้ำมันให้เหลือต่ำสุดเพื่อไม่ให้เงินในกองทุนฯ เกิน 40,000 ล้านบาท

ดังนั้น ผอ.สกนช. คนใหม่ จะเข้ามาบริหารงานในช่วงที่กองทุนน้ำมันฯ เริ่มมีเงินไหลเข้าและบัญชีน้ำมันเริ่มเป็นบวกหลังจากติดลบมากว่า 3 ปี เนื่องจากการนำเงินไปช่วยพยุงราคาดีเซลให้ประชาชน รวมทั้งภาพรวมกองทุนฯ มีโอกาสกลับมาเป็นบวกเช่นกันในช่วงปลายปี 2568 นี้ ทำให้ ผอ.สกนช.คนใหม่อาจเข้ามาบริหารเงินกองทุนฯ ที่กลับมาเป็นบวกได้แล้ว

Advertisment