กบน.มีมติสั่งปรับลดอัตราการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของน้ำมันดีเซลลง 70 สตางค์ต่อลิตร และน้ำมันเบนซินลง 50 สตางค์ต่อลิตร เพื่อให้ราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศ “ไม่ปรับเพิ่มขึ้น” แม้ตลาดโลกจะขยับขึ้นต่อเนื่อง
(วันที่ 24 ตุลาคม 2568) นายพรชัย จิรกุลไพศาล ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) วันนี้มีมติเร่งด่วนตามข้อสั่งการของนายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ให้ดูแลราคาน้ำมันให้กับประชาชนตามนโยบาย “Quick Big Win” หลังราคาน้ำมันตลาดโลกปรับสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจากกรณีสหรัฐฯ ประกาศคว่ำบาตรบริษัทน้ำมันรายใหญ่ของรัสเซีย เพื่อกดดันให้ยุติสงครามยูเครน ส่งผลให้บริษัทพลังงานในจีนและอินเดียต่างลดการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย โดยที่ประชุม กบน.มีมติให้ปรับลดอัตราการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของน้ำมันดีเซลลง 70 สตางค์/ลิตร และน้ำมันเบนซินลง 50 สตางค์/ลิตร เพื่อให้ราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศ “ไม่ปรับเพิ่มขึ้น” แม้ตลาดโลกจะขยับขึ้นต่อเนื่อง
ที่ประชุม ได้ประเมินสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกอย่างใกล้ชิด โดยราคาน้ำมันดิบดูไบ ปรับขึ้นมาอยู่ที่ 67.75 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล น้ำมันเบนซิน อยู่ที่ 81.10 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล และน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 89.10 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศ ดังนั้น กบน.จึงมีมติให้ใช้กลไกกองทุนน้ำมันฯ เข้ามาช่วยรักษาเสถียรภาพด้านราคาน้ำมันให้แก่ประชาชน

สำหรับการปรับลดเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ครั้งนี้ จะทำให้รายรับของกองทุนน้ำมันฯ เหลือวันละ 86.67 ล้านบาท จากเดิมมีรายรับวันละ 145.22 ล้านบาท (รวมน้ำมันเตาวันละ 0.36 ล้านบาท) ขณะที่ฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 19 ตุลาคม 2568 ติดลบอยู่ที่ 14,754 ล้านบาท แต่ยังมีบัญชีน้ำมันเป็นบวก อยู่ที่ 26,910 ล้านบาท และบัญชี LPG ติดลบอยู่ที่ 41,664 ล้านบาท
ทั้งนี้ ตลอดเดือนตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา กองทุนน้ำมันฯ ได้เข้ามาดูแลราคาน้ำมันให้ประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันให้แก่ประชาชน ดีเซลรวม 1 บาทต่อลิตร และเบนซิน รวม 80 สตางค์ต่อลิตร















































