พลังงาน สั้่งตั้ง “ศูนย์บริหารสถานการณ์ฉุกเฉินด้านพลังงาน” รับมือสถานการณ์ตึงเครียดไทย-กัมพูชา

184
- Advertisment-

รัฐมนตรีพลังงาน สั่งตั้ง “ศูนย์บริหารสถานการณ์ฉุกเฉินด้านพลังงาน” รับมือเหตุตึงเครียดไทย-กัมพูชา ย้ำ ‘น้ำมัน-ไฟฟ้า’ ต้องไม่ขาดแคลน  เร่งบรรเทาความเดือดร้อนประชาชนให้มากที่สุด พร้อมสั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา อย่างใกล้ชิดไม่ให้กระทบความมั่นคงด้านพลังงาน

วันนี้ 24 ก.ค. 2568 นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้เรียกประชุมด่วนผู้บริหารระดับสูงในสังกัดกระทรวงพลังงาน ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อเตรียมรับมือกับผลกระทบจากสถานการณ์ฉุกเฉินบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา  และหาแนวทางบรรเทาความเดือดร้อนด้านพลังงานให้แก่ประชาชนในพื้นที่   โดยมอบหมายให้มีการแต่งตั้ง “ศูนย์บริหารสถานการณ์ฉุกเฉินด้านพลังงาน”  เพื่อติดตามสถานการณ์และสั่งการหน่วยงานและเจ้าหน้าที่ในสังกัดกระทรวงพลังงานและในการกํากับของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน รวมทั้งประสานงานกับหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อป้องกันและแก้ไขสถานการณ์ต่าง ๆ ด้านพลังงาน อันอาจเกิดขึ้นจากการกระทำของราชอาณาจักรกัมพูชาซึ่งส่งผลหรืออาจส่งผลต่อประชาชนในจังหวัดอุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และจังหวัดอื่นที่ได้รับผลกระทบ ทั้งนี้จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายลง

นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า  กระทรวงพลังงานให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ และการดูแลความมั่นคงและเพียงพอด้านพลังงานทั้งในส่วนของน้ำมันและไฟฟ้า โดยได้สั่งการให้สถานีบริการน้ำมันที่อยู่ใกล้จุดปะทะบริเวณชายแดนงดให้บริการชั่วคราว เพื่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่และประชาชน ขณะเดียวกัน ได้สั่งการให้สถานีบริการน้ำมันในเขตอำเภอและจังหวัดใกล้เคียงที่อยู่นอกพื้นที่เสี่ยงเปิดบริการตามปกติอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับความจำเป็นในการเดินทางและภารกิจฉุกเฉินของภาครัฐ  อาทิ รถพยาบาล รถดับเพลิง รถตำรวจ ทหาร รวมถึงภารกิจด้านความมั่นคง ซึ่งต้องสามารถเข้าถึงเชื้อเพลิงได้ตลอด 24 ชั่วโมง

- Advertisment -

ในส่วนของระบบไฟฟ้า ได้มอบหมายให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตเป็นหลักในการประสานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจัดทีมซ่อมบำรุงประจำพื้นที่ เตรียมความพร้อมกรณีเกิดความเสียหายต่อระบบไฟฟ้า หรือสายส่งที่อาจได้รับผลกระทบจากเหตุปะทะ เพื่อให้สามารถฟื้นฟูระบบได้อย่างรวดเร็ว และลดผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของประชาชนให้น้อยที่สุด

ทั้งนี้ภายใต้ “ศูนย์บริหารสถานการณ์ฉุกเฉินด้านพลังงาน” ยังจัดให้มีชุดปฏิบัติการจากข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของกระทรวงพลังงานและหน่วยงานในกํากับของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เพื่อติดตามสถานการณ์ ระงับเหตุ และแก้ไขสถานการณ์ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบด้านพลังงานแก่ประชาชน รวมทั้งยังช่วยสนับสนุนด้านกําลังพล วัสดุ ครุภัณฑ์ ยานพาหนะ และเครื่องมือเครื่องใช้ต่าง ๆ ด้วย

“กระทรวงพลังงานกำลังเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และมีแนวทางรองรับตลอดเวลา เพื่อให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่ปะทะและบริเวณใกล้เคียงได้รับผลกระทบน้อยที่สุดจากสถานการณ์ฉุกเฉินครั้งนี้” นายพีระพันธุ์กล่าว

ผู้สื่อข่าวศูนย์ข่าวพลังงาน ( Energy  News Center-ENC ) รายงานว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้สั่งการเร่งด่วนให้กระทรวงพลังงาน ตั้งศูนย์ป้องกันเหตุฉุกเฉิน โดยมีนายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงานเป็นประธาน และได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังและวางแนวทางการป้องกันสถานที่ด้านพลังงานที่สำคัญ เช่น คลังน้ำมัน สถานีบริการน้ำมัน ระบบส่งไฟฟ้า ขอให้ทุกหน่วยงานทั้งในส่วนกลาง ได้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และจังหวัดในพื้นที่ชายแดน 7 จังหวัด ประกอบด้วย ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ สระแก้ว อุบลราชธานี จันทบุรี และตราด ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการพิจารณาเปิดปิดสถานีบริการน้ำมันให้คำนึงถึงความปลอดภัยของพนักงานและกระทบต่อประชาชนให้น้อยที่สุด และเตรียมแผนและมาตรการต่างๆ หากเหตุการณ์ทวีความรุนแรงขึ้น

 “ก่อนอื่น ผมต้องขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งกับครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเช้า ซึ่งทันทีที่เกิดเหตุการณ์ ท่านรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้สั่งการให้กระทรวงพลังงานตั้งศูนย์ป้องกันเหตุฉุกเฉิน ซึ่งผมได้เรียกประชุมด่วน โดยมีผู้แทนจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในส่วนกลางและในพื้นที่ชายแดนที่เกิดเหตุเข้าร่วมการประชุม ซึ่งผมได้สั่งการให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และวางแนวทางและมาตรการต่างๆ โดยเฉพาะสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับด้านพลังงาน เช่น คลังน้ำมัน สถานีบริการน้ำมัน ระบบส่งไฟฟ้า จะต้องมีแผนการรับมือหากสถานการณ์ทวีความรุนแรงมากขึ้น และขอให้รายงานให้ส่วนกลางทราบเป็นรายวัน หรือทันทีที่มีเหตุการณ์เกิดขึ้น นอกจากนี้ ผมยังได้สั่งการให้พลังงานจังหวัดในพื้นที่แนวชายแดนไทย-กัมพูชาที่มีการปิดสถานีบริการน้ำมันชั่วคราว ให้พิจารณาการเปิดปิดโดยคำนึงถึงความปลอดภัยของพนักงาน และกระทบต่อประชาชนให้น้อยที่สุด รวมทั้งให้มีการสื่อสารให้กับประชาชนในพื้นที่ได้รับทราบ นอกจากนั้น ขอให้อำนวยความสะดวกส่วนราชการ โดยเฉพาะโรงพยาบาล สถานีตำรวจ หรือการอพยพคน ที่จำเป็นต้องมีการใช้น้ำมันและไฟฟ้า ให้สามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็วและเกิดความปลอดภัยกับประชาชนในพื้นที่ให้มากที่สุด”  นายประเสริฐ กล่าว

Advertisment