ระยอง – 27 มิถุนายน 2568 – ณ ป่าชายเลนปากน้ำประแส จังหวัดระยอง ป่าชายเลนผืนใหญ่ที่สุดของจังหวัดที่เคยถูกบุกรุกจากนากุ้งในอดีต บัดนี้กลับเขียวขจีและกลายเป็นห้องเรียนธรรมชาติแสนพิเศษ สำหรับเด็กมัธยมต้นกว่า 80 คน จาก 4 จังหวัดภาคตะวันออก ในค่ายเยาวชน เรียน รักษ์ ป่าชายเลน “Child-Len Mangrove Education Camp” ปีที่ 2 ภายใต้โครงการภาคีเครือข่ายป่าชายเลนประเทศไทย (Thailand Mangrove Alliance) ผ่านการปลูกฝังความเข้าใจและความสำคัญของระบบนิเวศป่าชายเลน ที่กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย (Dow) ได้ร่วมกับพันธมิตรปลูกฝังแนวคิดและมุ่งสร้างพลังเยาวชนให้เป็นต้นกล้าแห่งการเปลี่ยนแปลง

นางภรณี กองอมรภิญโญ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่องค์กรสัมพันธ์ กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย เปิดเผยว่า Dow ให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะเยาวชนควบคู่กับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ค่ายเยาวชนนี้จึงสะท้อนถึงพันธกิจของบริษัทในการต้านโลกร้อน เปลี่ยนขยะเป็นผลิตภัณฑ์ และส่งเสริมวงจรรีไซเคิล ซึ่งสร้างผลกระทบเชิงบวกทั้งในมิติสังคม สิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจ โดยเฉพาะบทบาทการดูแลและฟื้นฟูป่าชายเลน แหล่งกักเก็บคาร์บอนที่สำคัญของประเทศช่วยลดโลกร้อนกว่าป่าบกได้ถึง 5 เท่า และดักกรองขยะจากบกไม่ให้ไหลลงสู่ทะเล ตลอดจนการส่งเสริมอาชีพและเศรษฐกิจเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชน
ค่ายจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24-26 มิถุนายน 2568 โดย Dow ร่วมกับศูนย์สิ่งแวดล้อมศึกษา (EEC) มูลนิธิโลกสีเขียว และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) โดยกิจกรรมตลอด 3 วัน ไม่ได้จำกัดอยู่ในห้องเรียน แต่กระจายตัวอยู่ทั้งบนชายหาดและกลางป่าโกงกาง อาทิ กิจกรรม “จับคู่ ปู ปลา นก” เพื่อเรียนรู้ความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิตกับถิ่นที่อยู่ ล่องเรือศึกษาเส้นทางธรรมชาติและวิถีชีวิตชาวประมง ปลูกต้นโกงกางและเก็บขยะชายฝั่งเพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศ เยี่ยมชมศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทย เรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นและอาชีพสีเขียวจากวิสาหกิจชุมชนบ้านทะเลน้อยระยองฮิ และร่วมเวิร์คช็อปการสื่อสารสิ่งแวดล้อม เพื่อฝึกคิด วางแผน และสื่อสารอย่างสร้างสรรค์ โดยปิดท้ายด้วยกิจกรรมระดมความคิด “Child-len ชายเลน ใช่เล่น ผ่านเลนส์พวกเรา” ซึ่งเปิดโอกาสให้เยาวชนได้ถ่ายทอดสิ่งที่เรียนรู้ในรูปแบบที่สะท้อนความเข้าใจของตนเอง พร้อมมอบประกาศนียบัตรเป็นแรงใจในการเป็นกระบอกเสียงของธรรมชาติในอนาคต

“Dow เชื่อมั่นในพลังของเยาวชนที่จะเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง เราจึงออกแบบกิจกรรมนี้ให้พวกเขาได้เรียนรู้ผ่านประสบการณ์จริง ลงมือปฏิบัติ และมองเห็นบทบาทของตนเอง ค่ายนี้จะจุดประกายให้เด็ก ๆ เห็นคุณค่าของธรรมชาติด้วยสายตาตนเอง สัมผัสด้วยมือ สื่อสารด้วยใจ แล้วเปลี่ยนเป็นพลังแห่งการอนุรักษ์ จากต้นกล้าแห่งความรู้และแรงบันดาลใจในค่ายนี้ Dow เชื่อมั่นว่าพวกเขาจะเติบโตเป็นผู้นำรุ่นใหม่ที่เข้าใจธรรมชาติ เห็นคุณค่าของสิ่งแวดล้อม และพร้อมจะขับเคลื่อนโลกใบนี้ให้ดีขึ้นในแบบที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง” นางภรณี กล่าว
นายกันตภณ สุขสงค์ นายอำเภอแกลง กล่าวว่า “ระยองเป็นจังหวัดที่ธรรมชาติหล่อเลี้ยงผู้คนมายาวนาน เราต้องส่งต่อความรู้ ความหวงแหน ให้คนรุ่นใหม่เข้าใจ และลงมือปกป้องผืนป่าเหล่านี้ไว้ ไม่ใช่แค่สิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง แต่ตัวเด็ก ๆ เองก็จะเปลี่ยนไปเช่นกัน พวกเขาจะเริ่มตั้งคำถามถึงวิถีชีวิต การใช้ทรัพยากร และมองเห็นถึงความสำคัญของป่าชายเลน ในการเป็นแนวกันชนทางธรรมชาติ เป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำ และเป็นรากฐานของวิถีชีวิตชุมชนชายฝั่ง การที่เยาวชนได้มาเรียนรู้ เข้าใจ และมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ จะช่วยต่อยอดให้เกิดการดูแลรักษาอย่างต่อเนื่องจากคนในพื้นที่จริง ๆ ซึ่งเป็นหัวใจของการพัฒนาอย่างยั่งยืน ดังนั้น เราต้องร่วมมือกันทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน เพื่อให้ป่าชายเลนยังคงอยู่ และเติบโตเป็นมรดกที่ยั่งยืนสำหรับคนรุ่นต่อไป”

Dow มีบทบาทสำคัญในการดูแลป่าชายเลนปากน้ำประแสมานานกว่า 16 ปี โดยปลูกป่าไปแล้วประมาณ 30,000 ต้น ส่งเสริมการคัดแยกและเก็บขยะบริเวณชายหาดและในป่าชายเลนปีละกว่า 8 ตัน พัฒนาอาชีพและวิสาหกิจชุมชน จัดประกวดภาพถ่ายส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ และพัฒนาโครงการปลูกป่าเพื่อคาร์บอนเครดิต ซึ่งเปิดโอกาสให้คนในชุมชนร่วมปลูก ดูแล และได้รับประโยชน์ร่วมกัน ภายใต้กรอบโครงการภาคีเครือข่ายป่าชายเลนประเทศไทย (Thailand Mangrove Alliance) ที่ริเริ่มโดย Dow และได้รับการยกระดับเป็นเครือข่ายระดับชาติภายใต้การนำของ ทช. โดยมีองค์กรเข้าร่วมกว่า 90 แห่ง สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ Dow ในการสร้างการมีส่วนร่วมเพื่อการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืนในระยะยาว
แม้โฮมสเตย์เล็ก ๆ ที่เด็ก ๆ พักอาจไม่สะดวกสบายเท่าโรงแรม แต่กลับอบอวลด้วยความอบอุ่นจากชาวบ้าน อาหารพื้นถิ่น และภาพทะเลในยามเช้าที่กลายเป็นบทเรียนชีวิตล้ำค่า ค่าย Child-Len ไม่ได้เพียงพาเด็ก ๆ มาดูธรรมชาติ แต่ได้พาพวกเขามา “เข้าใจ” ธรรมชาติ และกลับออกไปพร้อมแรงบันดาลใจที่พร้อมจะเติบโตเป็นต้นไม้ใหญ่แห่งการอนุรักษ์ในวันข้างหน้า บทเรียนจากค่ายนี้ อาจไม่ใช่เรื่องวิชาการตามตำรา แต่เป็นเมล็ดพันธุ์ความรู้สึกบางอย่างที่ค่อย ๆ ฝังลงในหัวใจของเยาวชน และในไม่ช้ามันจะงอกเงยขึ้นมาเป็นต้นไม้ใหญ่ที่ให้ร่มเงาแก่โลกใบนี้