กองทุนน้ำมันฯ ติดลบต่ำสุดในรอบ 3 ปี เหลือ -11,479 ล้านบาท

47
- Advertisment-

ภาพรวมกองทุนน้ำมันฯ เหลือติดลบ 11,479 ล้านบาท น้อยสุดในรอบ 3 ปี นับตั้งแต่ปี 2566 โดยล่าสุดคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) เรียกเก็บเงินผู้ใช้ดีเซลส่งเข้ากองทุนฯ เพิ่มอีก 40 สตางค์ต่อลิตร รวมเรียกเก็บ 90 สตางค์ต่อลิตร ส่วนภาระหนี้แบงค์ลดลงเหลือ 33,054 ล้านบาท ในขณะที่ราคาน้ำมันโลกลดลงเหลือ 63.35 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล     

ผู้สื่อข่าวศูนย์ข่าวพลังงาน (Energy News Center – ENC) รายงานสถานการณ์เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงรายสัปดาห์ว่า ฐานะเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงล่าสุด ณ วันที่ 7 ธ.ค. 2568 ติดลบรวม -11,479 ล้านบาท ซึ่งมาจากบัญชีก๊าซหุงต้ม (LPG) ติดลบรวม -40,194 ล้านบาท และมาจากบัญชีน้ำมันที่มีเงินไหลเข้ารวม 28,715 ล้านบาท  โดยยอดเงินติดลบ -11,479 ล้านบาทนี้ นับว่าติดลบน้อยที่สุดในรอบ 3 ปี นับตั้งแต่ปี 2566   

โดยวันที่ 1 ม.ค. 2566 ติดลบรวม -121,491 ล้านบาท , วันที่ 7 ม.ค. 2567 ติดลบรวม -80,101 ล้านบาท และ 5 ม.ค. 2568 ติดลบรวม -75,945 ล้านบาท ปัจจุบัน 8 ธ.ค. 2568 ติดลบรวม -11,479 ล้านบาท

- Advertisment -

อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 2568 คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ได้มีมติเรียกเก็บเงินจากผู้ใช้ดีเซลเพื่อส่งเข้ากองทุนฯ เพิ่มขึ้นอีก 40 สตางค์ต่อลิตร โดยผู้ใช้ดีเซล และดีเซล B20 ส่งเข้า 0.90 บาทต่อลิตร และผู้ใช้ดีเซลเกรดพรีเมียม ส่งเข้า 2.40 บาทต่อลิตร ส่วนผู้ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 และน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 ส่งเงินเข้ากองทุนฯ  2 บาทต่อลิตร , น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 ส่งเข้า 0.90 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 ส่งเข้า 2.20 บาทต่อลิตร และเบนซินธรรมดา ออกเทน 95 ส่งเข้า 8.80 บาทต่อลิตร

สำหรับในส่วนของภาระหนี้สำคัญที่ได้กู้ยืมเงินมาจากสถาบันการเงินฯ ไว้รวม 105,333 ล้านบาท ระหว่างปี 2565-2566 ปัจจุบันเหลือหนี้อยู่ 33,054 ล้านบาท ซึ่งจะต้องทยอยจ่ายเงินต้นสูงขึ้นเรื่อยๆ ตามกรอบเวลาที่กู้มาแต่ละครั้ง โดยในเดือน ต.ค. 2568 นี้ จะต้องจ่ายหนี้เงินต้นสูงสุดประมาณ 3,000 ล้านบาท หลังจากนั้นจะค่อยๆทยอยลดลง และในแต่ละเดือนจะต้องจ่ายดอกเบี้ย 250 ล้านบาทต่อเดือนด้วย โดยคาดว่าจะชำระหนี้หมดตามกำหนดในปี 2572

ด้านราคาน้ำมันตลาดโลกล่าสุด ณ วันที่ 11 ธ.ค. 2568 เวลาประมาณ 15.00 น. ราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ระดับ 63.35 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ลดลง 0.55 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) อยู่ที่ 65.80 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ลดลง 0.45 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล  และราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) อยู่ที่ 61.73 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ลดลง 0.48 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

ส่วนค่าการตลาดน้ำมันที่ผู้ค้าน้ำมันเรียกเก็บจากประชาชน ซึ่งรายงานโดยสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ณ วันที่ 11 ธ.ค. 2568 เปลี่ยนแปลงดังนี้ น้ำมันเบนซินออกเทน 95 ถูกเรียกเก็บค่าการตลาด 3.89 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 มีค่าการตลาดที่ 3.57 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 3.12 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 อยู่ที่ 3.45 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 อยู่ที่ 3.45 บาทต่อลิตร, ดีเซล อยู่ที่ 2.59 บาทต่อลิตร  โดยเฉลี่ยค่าการตลาดระหว่าง 1-11 ธ.ค. 2568 อยู่ที่ 2.65 บาทต่อลิตร (จากค่าการตลาดที่เหมาะสมที่ 1.5-2 บาทต่อลิตร)

Advertisment