กองทุนน้ำมันฯ เหลือหนี้เงินกู้แบงค์อีก 55,277 ล้านบาท จากที่กู้มาทั้งสิ้น 105,333 ล้านบาท ตั้งแต่ปี 2565-2566 เพื่อพยุงราคาดีเซล ขณะที่เงินไหลเข้ากองทุนฯ เดือนละ 9,409 ล้านบาท ในส่วนเงินกองทุนฯ ยังติดลบรวม -40,103 ล้านบาท ซึ่งเกิดจากบัญชี LPG ที่ติดลบถึง -44,737 ล้านบาท ขณะที่บัญชีน้ำมันกลับมาเป็นบวกแล้ว 4,634 ล้านบาท แนวโน้มภาพรวมกองทุนฯ จะพลิกเป็นบวกในช่วงเดือน ต.ค.-พ.ย. 2568 นี้
ผู้สื่อข่าวศูนย์ข่าวพลังงาน (Energy News Center – ENC) รายงานสถานการณ์กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงรายสัปดาห์ว่า เงินกองทุนน้ำมันฯ ล่าสุดที่รายงานโดยสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) ณ วันที่ 1 มิ.ย. 2568 ยังคงติดลบรวม -40,103 ล้านบาท ซึ่งมาจากบัญชีก๊าซหุงต้ม (LPG) ที่ติดลบถึง -44,737 ล้านบาท ขณะที่บัญชีน้ำมันกลับมาเป็นบวกแล้วที่ 4,634 ล้านบาท
โดยปัจจุบันกองทุนฯ มีเงินไหลเข้าวันละ 313.65 ล้านบาท (หรือประมาณ 9,409 ล้านบาทต่อเดือน) ซึ่งมาจากการเก็บเงินจากผู้ใช้น้ำมันกลุ่มดีเซลได้วันละ 201 ล้านบาท , เก็บเงินจากผู้ใช้น้ำมันกลุ่มเบนซินได้ 93 ล้านบาทต่อวัน และมาจากโรงแยกก๊าซฯ อีกวันละ 19.65 ล้านบาท ดังนั้นมีแนวโน้มว่าภาพรวมกองทุนฯ จะเลิกติดลบได้ประมาณเดือน ต.ค.- พ.ย. 2568 นี้
สำหรับผู้ใช้น้ำมันทุกชนิดส่งเงินเข้ากองทุนฯ ตามอัตราล่าสุดที่คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) กำหนดไว้ดังนี้ เบนซินออกเทน 95 ถูกเก็บ 9.80 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 เก็บ 1.80 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 เก็บ 3.60 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 และ 91 เก็บ 3 บาทต่อลิตร ส่วนกลุ่มดีเซลและดีเซล B20 เรียกเก็บ 2.90 บาทต่อลิตร และดีเซลเกรดพรีเมียมเรียกเก็บ 4.40 บาทต่อลิตร
อย่างไรก็ตามแม้กองทุนฯ จะกลับมาเป็นบวกได้ปลายปี 2568 นี้ แต่กองทุนฯ ยังมีภาระที่ต้องชำระหนี้เงินกู้สถาบันการเงินที่กู้ยืมมา 105,333 ล้านบาท ตั้งแต่ปี 2565-2566 เพื่อพยุงราคาดีเซลไม่ให้เกิน 33 บาทต่อลิตร (ปัจจุบันราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 31.94 บาทต่อลิตร) ทั้งนี้กองทุนฯ เริ่มจ่ายหนี้เงินต้นมาตั้งแต่ พ.ย. 2567 ปัจจุบันเหลือหนี้อยู่ 55,277 ล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมา กบน. คาดการณ์ว่าจะชำระหนี้เงินกู้หมดในปี 2571
ด้านค่าการตลาดน้ำมันที่ผู้ค้าน้ำมันเรียกเก็บจากประชาชน ซึ่งรายงานโดยสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ณ วันที่ 5 มิ.ย. 2568 เปลี่ยนแปลงดังนี้ ค่าการตลาดกลุ่มเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ยังคงทรงตัวระดับสูง โดยน้ำมันเบนซินออกเทน 95 ถูกเรียกเก็บค่าการตลาด 3.59 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 มีค่าการตลาดที่ 3.44 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 3.50 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 อยู่ที่ 3.44 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 อยู่ที่ 3.44 บาทต่อลิตร, ดีเซล อยู่ที่ 1.64 บาทต่อลิตร โดยเฉลี่ยค่าการตลาดระหว่างวันที่ 1-5 มิ.ย. 2568 อยู่ที่ 2.41 บาทต่อลิตร (จากค่าการตลาดที่เหมาะสมที่ 1.5-2 บาทต่อลิตร)
ส่วนสถานการณ์ราคาน้ำมันโลกล่าสุด ณ วันที่ 5 มิ.ย. 2568 เวลาประมาณ 13.30 น. ราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ระดับ 63.73 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ราคาไม่เปลี่ยนแปลง ส่วนน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) อยู่ที่ 62.76 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ลดลง 0.09 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) อยู่ที่ 64.87 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.01 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล