กรมธุรกิจพลังงาน -ปตท. เปิดเวทีสื่อความชุมชน ยืนยันความปลอดภัย ความพร้อมการใช้งานท่อส่งก๊าซธรรมชาติในพื้นที่ตำบลเปร็ง จ.สมุทรปราการ ชี้ให้เห็นความสำคัญระบบการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญต่อความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ และการพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน
วันนี้ (15 ตุลาคม 2568) – นายสราวุธ แก้วตาทิพย์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน นายณัชวันก์ อัลภาชน์ เตชะเสน รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ นายสมศักดิ์ แก้วเสนา ปลัดจังหวัดสุมทรปราการ นางกชนัฑ พัฒนะวิชัย นายอำเภอบางบ่อ นายฉัตรชัย คุณโลหิต รองอธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน นายอัศวิน อัศวุตมางกุร พลังงานจังหวัดสมุทรปราการ นายอำนวย วงษ์พานิช ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ระบบท่อส่งก๊าซฯ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยผู้บริหาร ส่วนราชการจังหวัดสมุทรปราการ ผู้แทนหน่วยงานและชุมชนในพื้นที่ตำบลเปร็ง อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ เข้าร่วมในการประชุม สื่อความชุมชนถึงความพร้อมการใช้งานท่อส่งก๊าซธรรมชาติในพื้นที่ตำบลเปร็ง ณ ห้องประชุมโรงเรียนเปร็งวิสุทธาธิบดี อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ
โดยที่ประชุมให้ความสนใจในการร่วมแสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์เพื่อให้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง กรมธุรกิจพลังงาน และ ปตท.รับไปพิจารณาดำเนินการ ภายหลังจากที่ระบบส่งท่อก๊าซธรรมชาติในพื้นที่ตำบลเปร็งกลับมาใช้งานตามปกติ
นายสราวุธ แก้วตาทิพย์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน ซึ่งเป็นประธานในการประชุมครั้งนี้ กล่าวว่า ภายหลังเกิดเหตุในพื้นที่ตำบลเปร็งที่ผ่านมา กรมธุรกิจพลังงานได้สั่งระงับการใช้งานระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติในบริเวณพื้นที่ดังกล่าวเพื่อความปลอดภัย และดำเนินการศึกษาเพื่อหาข้อเท็จจริงจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยผู้เชี่ยวชาญตามหลักวิชาการและมาตรฐานสากล พร้อมกำหนดแนวทางซ่อมแซมและเกณฑ์ความปลอดภัยอย่างเข้มงวด

ทั้งนี้ระบบการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญต่อความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ และเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ในขณะที่ความปลอดภัยของประชาชนก็ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ต้องคำนึงถึง ดังนั้นก่อนการนำท่อก๊าซธรรมชาติกลับมาใช้จึงต้องผ่านการตรวจสอบครบถ้วนทุกขั้นตอนอย่างเข้มงวดเพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด กรมธุรกิจพลังงานมีความตั้งใจร่วมสื่อสารกับประชาชนในพื้นที่ตำบลเปร็งและรับฟังความคิดเห็นเพื่อนำไปประกอบการพิจารณาอนุญาต โดยจะพิจารณาอย่างรอบคอบร่วมกับความปลอดภัยทางวิศวกรรม เพื่อสร้างความมั่นใจให้ทุกฝ่าย

ด้าน นายณัชวันก์ อัลภาชน์ เตชะเสน รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ กล่าวว่า พื้นที่จังหวัดสมุทรปราการเป็นพื้นที่ที่อยู่อาศัยที่มีโรงงานอุตสาหกรรมตั้งอยู่จำนวนมาก จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีความเข้มงวดและความถี่ในการปฏิบัติงานและเฝ้าระวังเพื่อไม่ให้ระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติเกิดความเสียหายซ้ำขึ้นอีก รวมทั้งขอให้รักษาการบริหารจัดการชุมชนอย่างต่อเนื่องเช่นเดิมต่อไป
ส่วน นางกชนัฑ พัฒนวิชัย นายอำเภอบางบ่อ กล่าวว่า ชุมชนได้เล็งเห็นถึงความสำคัญและจำเป็นของโครงสร้างพื้นฐานทางพลังงานที่สำคัญ คือ ระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติในพื้นที่ตำบลเปร็ง ที่ได้ช่วยเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศ แต่ทั้งนี้ เนื่องด้วยชุมชนมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ประกอบกับสภาพพื้นที่ที่ติดแม่น้ำ การนำท่อส่งก๊าซธรรมชาติในพื้นที่เปร็งกลับมาใช้งาน ชุมชนขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญในการปฏิบัติการบำรุงรักษา และการตรวจลาดตระเวนเฝ้าระวังท่อส่งก๊าซธรรมชาติอย่างเข้มข้นและเข้มงวด รวมทั้งจัดกิจกรรมให้ความรู้ความเข้าใจแก่ชุมชนตามแนวท่อ และการซ้อมอพยพกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความมั่นใจให้กับชุมชนต่อไป
ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อความปลอดภัยของประชาชน รวมถึงได้ดำเนินการซ่อมแซมตามมาตรฐานวิศวกรรมความปลอดภัยและแนวทางที่กรมธุรกิจพลังงานกำหนดเรียบร้อยแล้ว รวมทั้งยังได้เสริมความเข้มข้นในด้านการปฏิบัติการ บำรุงรักษา และมาตรการเฝ้าระวังตลอดแนวท่อส่งก๊าซธรรมชาติ เพื่อให้การขนส่งก๊าซทางท่อเป็นไปอย่างปลอดภัยสูงสุด พร้อมทั้งยืนยันความพร้อมของระบบท่อก่อนการกลับคืนสู่การใช้งาน เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับชุมชน รักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมโดยรอบต่อไป




ผู้สื่อข่าวศูนย์ข่าวพลังงาน ( Energy News Center-ENC ) ซึ่งเข้าร่วมในการประชุม สื่อความชุมชน ในครั้งนี้ด้วย รายงานว่า ข้อกังวลที่ทางผู้แทนชุมชนได้สอบถามและเสนอแนะในที่ประชุม ได้รับการชี้แจงจากผู้แทนของ ปตท.เพื่อให้เกิดความมั่นใจ โดยในขั้นตอนการซ่อมแซมและนำท่อกลับมาใช้งานอย่างปลอดภัยนั้น ปตท.ได้มีการวางท่อใหม่ประมาณ 250 เมตร เพื่อทดแทนท่อส่วนที่ได้รับความเสียหาย พร้อมทั้งติดตั้งสถานีควบคุมก๊าซกลางทาง บริเวณนิคมเอเชียสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานวิศวกรรมและแนวทางที่กรมธุรกิจพลังงาน กำหนด

นอกจากนี้ ในมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันแนวท่อส่งก๊าซธรรมชาติ ได้มีการปรับแก้ไขให้เข้มข้นตามข้อเสนอของชุมชน โดยจะเพิ่มการลาดตะเวนสำรวจพื้นที่แนวท่อ ทั้งด้วยรถยนต์ 2-8 ครั้งต่อเดือน ด้วยโดรน 4 ครั้งต่อปี การตรวจสอบการรั่วไหล 4 ครั้งต่อปี การตรวจสอบด้วยกระสวยอัจฉริยะเพื่อตรวจความสมบูรณ์ของท่อและการเคลื่อนตัว ทุกๆ 3 ปี และการตรวจสอบกิจกรรมก่อสร้างในแนวเขตระบบ ด้วยภาพถ่ายดาวเทียมและกล้องวงจรปิด การจัดทำฐานข้อมูลชุมชนรอบแนวท่อในรัศมี 250 เมตรรายตำบล การเปิดช่องทางให้ชุมชนสามารถแจ้งเหตุได้ที่สายด่วนระบบท่อส่งก๊าซ 1540 และการซ้อมแผนฉุกเฉินอย่างน้อย 1 ครั้งต่อปี ในเขตปฏิบัติการ


